เราได้ยินเรื่องรถยนต์แบบไร้คนขับของกูเกิ้ลมาตั้งหลายครั้งแล้ว ใครบ้างล่ะไม่อยากได้รถคันนี้ แต่ข้อมูลเกี่ยวกับรถคันนี้ยังมีรายละเอียดไม่มาก มีหลายอย่างชวนให้สงสัยอยู่ แล้วเทคโนโลยีนี้เมื่อนำมาใช้แล้วจะมีผลต่อการใช้ชีวิตของเราอย่างไรบ้าง

Sebastian Thrun โฆษกของ TED ได้กล่าวถึงข้อมูลที่น่าสนใจเอาไว้ว่ารถยนต์ไร้คนขับนี้ได้วิ่งทดสอบมาเป็นระยะทางมากกว่า 200,000 ไมล์ ไม่ใช่แค่ทดสอบในสภาพอากาศที่ดีในตอนกลางวันเท่านั้น วิ่งทดสอบตอนกลางคืนก็ทำมาแล้ว ถนนที่ว่าขับยากๆ ลมแรงๆอย่าง Lombard Street ในซานฟรานซิสโก้ก็วิ่งมาแล้วเช่นกัน

ในคลิปด้านล่าง คุณจะได้เห็นประสาทสัมผัสของรถไร้คนขับเมื่อมันต้องเลี้ยวซ้ายที่สี่แยก, การรับรู้ถึงสิ่งกีดขวางที่อยู่ข้างหน้าและการอ่านเส้นจราจรบนพื้นถนน แต่ที่เรายังไม่รู้ว่ารถคันนี้เห็นสัญญาณไฟจราจรรึเปล่า แต่ด้วยเทคโนโลยีที่ใส่เข้ามาในรถคันนี้อย่างเรด้าร์, LIDAR, GPS และกล้องอีกหลายตัวจึงไม่น่าแปลกเลยที่มันจะทำงานได้เป็นอย่างดี

ในตอนใกล้ๆช่วงจบ Sebastian Thrun ได้ชี้ให้เห็นประเด็นที่น่าสนใจที่คุณอาจนึกไม่ถึง นั่นก็คือประสิทธิภาพค่ะ นั่นเพราะว่าคนขับรถหลายๆคนยังเก่งสู้คอมพิวเตอร์ไม่ได้นั่นเอง นอกจากรถไร้คนขับจะช่วยลดอุบัติเหตุการเฉี่ยวชนซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่เกิดมาจากข้อผิดพลาดของมนุษย์เอง การตัดสินใจบางอย่างของรถคันนี้ก็ทำได้แม่นยำกว่า เช่น การตัดสินใจเรื่องเส้นทางว่าจะไปทางไหนดี ทางไหนเร็วสุด ถนนเส้นไหนรถติดน้อยที่สุด การตัดสินใจที่ถูกต้องแม่นยำจะช่วยให้คุณทั้งประหยัดเวลาและค่าน้ำมันรถ นอกจากนี้ถ้าคุณไม่ต้องขับเองแล้ว คุณก็เอาเวลาไปทำงานที่สำคัญอย่างอื่นขณะเดินทางได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการขับเลยล่ะ

[ted id=1109]

นอกเหนือจากข้อมูลในคลิปด้านบนที่บันทึกไว้เมื่อเดือนมีนาคม 2011 Thrun ได้เขียนบทความลงใน Huffington Post ที่อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับประสบการณ์และแรงกระตุ้นของเค้า ในนั้นเค้าบอกว่ารถไร้คนขับวิ่งได้เกือบ 200,000 ไมล์แล้ว ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 140,000 ไมล์ที่เค้าพูดไว้ในคลิป ตัวเลขที่เพิ่มขึ้นนี้น่าจะบอกเป็นนัยๆว่าเทคโนโลยีน่าจะใกล้ได้ใช้จริง และมันจะเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงอีกหลายๆอย่างที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นประเภทรถที่เราใช้ขับ, กฎหมายจราจร รวมถึงนิสัยและพฤติกรรมการขับรถของเราด้วย

VIA geek