ในขณะที่เรากำลังถกเถียงกันว่าสัญญาณมือถือจะส่งผลต่อเครื่องบินรึไม่ แต่นักวิจัยด้านความปลอดภัยคนนึงกำลังศึกษาความเป็นไปได้ของการแฮคเครื่องบินจนสามารถควบคุมเครื่องยนต์ได้เลย
แค่ข้อความบนทวิตเตอร์ที่ Chris Roberts ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบัน infosec โพสต์เล่นๆบนทวิตเตอร์ว่าสามารถเจาะไปยังระบบควบคุมออกซิเจนฉุกเฉินของเครื่องบิน จนถูกสอบสวนจากสายการบิน United แต่หลังจากที่โดน FBI สอบสวนก็พบว่าเค้ามีความสามารถมากกว่านั้น ถึงขั้นควบคุมเครื่องยนต์ได้เลย
มหากาพย์ครั้งนี้เริ่มต้นเมื่อวันที่ 15 เมษายน เมื่อ Roberts ได้ทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ว่าเค้ากำลังอยู่บนเครื่องบิน 737-800 แถมยังอวดอ้างว่าสามารถแฮคเข้าไปยังระบบควบคุมของเครื่องบินได้ ผลที่ตามมาก็คือเค้าถูกห้ามไม่ให้ขึ้นเครื่องไฟลท์นี้ ถูกยึดแล็บท็อป และถูกแบบนไม่ให้ใช้สายการบิน United ตลอดชีวิต จากข้อมูลของหมายค้น Roberts บอกกับ FBI ว่า ช่องโหว่ที่พบบนเครื่องช่วยให้เค้าเจาะระบบได้มากกว่าข้อความที่ทวีตอออกไป ทาง APTN รายงานว่าเค้าใช้ช่องโหว่ของระะบความบันเทิงบนเครื่องของทั้ง Boeing และ Airbus เป็นช่องทางในการลงมือ ซึ่งเค้าเคยทำมาแล้วถึง 20 ครั้งบนเครื่องบินจริงๆ ในเที่ยวบินที่เค้าเดินทางระหว่างปี 2011 – 2014 ซึ่งหนึ่งในนั้นเค้าได้เจาะเข้าไปยังระบบควบคุมเครื่องยนต์แล้วบังคับให้เครื่องบินไต่ระดับและทำให้เครื่องเอียง FBI ได้ทำการตรวจสอบที่นั่งของ Roberts ที่เคยจองไว้เพื่อดูว่ามีการเปลี่ยนกล่องรึไม่ แม้เค้าจะยืนยันว่าไม่ได้ทำเช่นนั้น วิธีการแฮคของเค้าก็คือใช้ hidden ethernet port ต่อไปยัง MacBook Pro ด้วยสายเคเบิ้ลที่ผ่านการดัดแปลงมาโดยเฉพาะจากนั้นก็ใช้ซอฟท์แวร์ Vortex ในการดูข้อมูลจากห้องนักบินและข้อมูลอื่นๆ
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ช่องโหว่บนเครื่องจะสร้างความตื่นตระหนกให้กับผู้โดยสาร เมื่อสิงหาคมปีที่แล้วก็มีคนออกมาบอกว่าสามารถแฮค WiFi บรเครื่องโดยการใช้ประโยชน์จากความอ่อนแอของระบบฮาร์ดแวร์ของเครือข่ายซึ่งมีคนขายอยู่ไม่กี่ราย ในขณะเดียวกันทางสายการบิน United ก็ใช้ประเดินนี้เปิดตัวโครงการใหม่ให้เหล่านักวิจัยที่สามารถค้นพบช่องโหว่ในการแฮคเครื่องและแจ้งเข้ามาก็จะได้รางวัลไป
VIA Slashgear