ต่อไปใครที่ใช้หูฟังไร้สายแบบมีแบตเตอรี่ในตัวต้องระวังให้ดี ล่าสุดเกิดเหตุ Headphone ไร้สายไฟลุกใส่หน้าบนเครื่องบิน คาดแบตต้นเหตุ

headphone

Headphone

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2016 หลังจากเกิดเหตุ Galaxy Note 7 เกิดระเบิดทั่วโลก จนสายการบินต่างๆต้องแบนไม่ให้นำมือถือรุ่นนี้ขึ้นเครื่อง เพราะกลังเกิดเหตุโศกนาฏกรรมตามมา ตอนนี้เกิดเหตุการณ์คล้ายๆกันบนเที่ยวบินจากกรุงปักกิ่งไปเมลเบิร์น ออสเตรเลีย แต่ต้นเหตุระเบิดคราวนี้ก็คือหูฟังไร้สาย

เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์แต่เพิ่งมีการเปิดเผยข้อมูลเรื่องนี้ออกมา โดยทาง Australian Transport Safety Bureau (ATSB)  เผยให้เห็นภาพของผู้โชคร้าย ที่มีเขม่าควันเต็มหน้าและปาก ส่วนมือก็เป็นแผลพุพอง ส่วนผมก็มีการไหม้นิดหน่อย

ผู้โชคร้ายเป็นหญิงสาวรายนึง ขณะที่เธอกำลังนอนหลับพร้อมฟังเพลงผ่านหูฟังส่วนตัวของเธอ หลังจากฟังเพลงไปสองชั่วโมงต่อเนื่อง เธอต้องสะดุ้งตื่นเพราะรู้สึกร้อนที่ใบหน้าทำให้หูฟังหล่นไปที่คอ เมื่อเธอรู้สึกปวดแสบปวดร้อนเพราะผิวกำลังไหม้ ก็รีบเอามือมาปิดที่หน้า ก่อนที่จะคว้าหูฟังเขวี้ยงลงพื้น จากนั้นมันก็เกิดประกายไฟและมีควันไฟออกมาเล็กน้อย แบตเตอรี่ที่ร้อนเกินไปจนทำให้พลาสติกละลายจนติดกับพื้น โชคดีที่พนักงานต้อนรับบนเครื่องมีปฏิกิริยาที่ว่องไว เห็นผู้โดยสานกำลังใช้เท้าดับไฟ จึงรีบเอาน้ำมาดับก่อนที่จะลุกลามไปใหญ่โต

จากเหตุการณ์ครั้งนี้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจำเป็นต้องให้ความสำคัญและมีมาตรการเกี่ยวกับอุปกรณ์ต่างๆที่มีแบตเตอรี่ในตัวให้รัดกุมยิ่งขึ้น ส่วนจะเป็นหูฟังแบรนด์ไหนนั้นไม่มีการเปิดเผยข้อมูลออกมาค่ะ เพราะต้นเหตุจริงๆคือแบตเตอรี่ที่ใช้มากกว่า

ทาง ATSB แนะนำว่า อุปกรณ์ที่มีแบตเตอรี่ในตัวมีความเสี่ยงที่จะติดไฟได้ สิ่งที่ผู้ใช้ควรทำก็คือ

  • แบตเตอรี่เมื่อไม่ได้ใช้ควรถอดเก็บไว้ในภาชนะที่มิดชิด
  • แบตเตอรี่ควรเก็บไว้ในกระเป๋าที่หิ้วขั้นเครื่อง ห้ามเก็บในสัมภาระที่โหลดใต้เครื่องเด็ดขาด
  • ถ้าผู้โดยสารทำมือถือตกลงไปในช่องว่างระหว่างเก้าอี้ ควรหาให้เจอก่อนเลื่อนพนักที่นั่ง ในกรณีที่หาไม่เจอควรแจ้งพนักงานบนเครื่อง

ส่วนใครที่ใช้หูฟังไร้สายก็ควรเลือกแบรนด์ที่น่าไว้ใจหน่อย จะได้ปลอดภัยต่อตัวคุณเองและผู้ร่วมเดินทาง

VIA Techtime