LINE ประกาศเป็น Mobile Portal ศูนย์กลางผู้ใช้มือถือเป็นมากกว่าแอปแชทด้วยบริการเสริมหลากหลาย ตอบโจทย์ความต้องการผู้ใช้
LINE
ตอนนี้เราปฏิเสธไม่ได้เลยว่า มือถือได้กลายเป็นศูนย์กลางของโลกดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสาร การเสพข้อมูลข่าวสารและความบันเทิง
ส่วนไทยเองก็ถือเป็นประเทศที่ใช้ไลน์ เป็นอันดับสองของโลก รองจากญี่ปุ่น ด้วยจำนวน 94% ของผู้ใช้อินเตอร์เน็ตบนมือถือหรือคิดเป็น 44 ล้านคน เฉลี่ยแล้วหนึ่งคนใช้มือถือวันละ 234 นาที โดยจะใช้ไลน์ประมาณวันละ 70 นาที
นอกจากนั้นเทรนด์ของการใช้งานต่างๆก็กำลังเปลี่ยนไป คนเราหันมาดูคอนเท้นท์ต่างๆบนมือถือมากขึ้น ซึ่งผู้ใช้ในไทยกว่า 90% มัจะดูคลิปวิดีโอผ่านมือถือ เรียกว่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยของคนทั่วโลกถึง 2 เท่า จากเทรนด์เหล่านี้ ไลน์ ตั้งเป้าขยับขึ้นไปเป็น Mobile Portal เป็นศูนย์กลางของบริการต่างๆบนมือถือ ทั้งข้อมูลข่าวสาร ดูคลิปวิดีโอ ครอบคลุมทุกความต้องการใช้งาน ด้วย 4 กลยุทธ์หลัก
การสื่อสาร
ด้านการสื่อสารคาดว่าปีนี้จะมีการพัฒนาบริการใหม่ๆเพื่อตอบรับไลฟ์สไตล์ต่างๆของผู้ใช้
เนื้อหา
คนไทยหันมาบริโภคสื่อผ่านออนไลน์มากขึ้น เพื่อตอบรับเทรนด์เหล่านี้ ไลน์จึงพัฒนา “LINE TV” เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2014 ซึ่งปีที่ผ่านมายอดผู้ชมสูงขึ้น 156% เมื่อเทียบกับปีก่อหน้า ขึ้นแท่นเป็นผู้นำด้านวิดีโอคอนเท้นท์ ด้วยบริการแบบเอ็กซ์คลูซีพที่มีเผยแพร่บนไลน์ทีวีที่เดียว รวมถึงการดูรีรันละครและรายการต่างๆผ่านออนไลน์ก่อนใคร
มาปีนี้มีการเปิดตัวคอนเท้นท์ใหม่จากเดิมที่มีแค่ 4 หมวด ละคร บันเทิง เพลง อนิเมชั่นและถ่ายทอดสด ปีนี้จะมีอีกสองหมวดเพิ่มขึ้นมาคือ กีฬาและความงาม พร้อมดึงพันธมิตรรายใหม่ๆ นำรายการมาลงเพิ่มเติม
ส่วนอีกบริการที่ถือเป็นไฮไลต์ของปีนี้ก็คือ “LINE TODAY” ที่เพิ่มแตกออกมาเป็นแท็บใหม่ในแอปไลน์ เพื่อให้เราเข้าถึงข้อมูลข่าวสารจากสื่อต่างๆได้ง่ายขึ้น โดยปีนี้ไลน์ตั้งเป้าจะขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของแพลตฟอร์มข้อมูลข่าวสารในปีนี้ ส่วนรูปแบบการหารายได้นั้นจะมาในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้
บริการ
ปัจจุบันมีแอปอยู่ราวๆ 2.2-2.6 ล้านแอป แต่คนโหลดมาใช้เฉลี่ยต่อหนึ่งคนแค่ 32 แอปเท่านั้น นอกจากนั้นแอปที่ใช้งานบ่อยๆจริงแล้วมีแค่วันละ 3-5 แอปเท่านั้น นั่นหมายความว่าแอปใหม่ๆถ้าไม่โดดเด่นออกมาก็จะจมหายไป คนไม่โหลดมาใช้
จากปัจจัยเหล่านี้ทางไลน์จึงคิดค้นแอปใหม่ๆผนวกเข้าไปกับแอปแชทเลย ทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องคอยโหลดแอปใหม่ๆเพิ่มเติมให้รกเครื่อง นอกจากนั้นยังยังเสริมด้วยเทคโนโลยี Chat Bot ที่นำมาช่วยอำนวยความสะดวกให้ทั้งผู้บริโภคและแบรนด์ต่างๆ ซึ่งตอนนี้ที่เปิดให้บริการแล้ว แถมได้เสียงตอบรับดีมากก็มี “LINE FINANCE” เอาไว้ช่วยตอบคำถามเรื่องการลงทุนต่างๆ Wongnai สำหรับแชทถามค้นหาร้านอาหารต่างๆ หรือ Uber ที่ช่วยให้เราเรียกรถอูเบอร์ ผ่านการแชทได้ทันที นอกจากนั้นยังมีแบรนด์ต่างๆที่เริ่มนำแชทบอทมาใช้แล้ว เช่น Citibank, Lazada เป็นต้น
การขายสินค้าและบริการ
ปัจุบันอีคอมเมิร์ซของไทยนั้นยังมีสัดส่วนแค่ 3.8% ของมูลค่าตลาดค้าปลีกทั้งหมด นั่นหมายความว่ามีโอกาสที่คนขายของออนไลน์จะโตไปได้อีกเยอะ เพื่ออำนวยความสะดวกผู้ใช้กลุ่มนี้ ทางไลน์จึงคิดบริการภายใต้แนวคิด O2O (Offline to Online) ด้วยการเชื่อมต่อการขายของผ่านหน้าร้านและออนไลน์เข้าด้วยกัน
บริการหลักของไลน์ในหมวดนี้ก็คือ LINE MAN ที่มีบริการรับส่งสินค้า สั่งอาหาร สั่งของจากร้านสะดวกซื้อ ล่าสุดเพิ่มบริการรับส่งพัสดุทั่วไทยที่จับมือกับ Alpha มาช่วยรับส่งของให้ถึงหน้าบ้านของผู้ใช้
นอกจากนั้นมีการริเริ่มนำเทคโนโลยี Beacon มาใช้ในร้านค้าเพื่อเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน เมื่อลูกค้าเดินเข้ามาเราก็สามารถให้ข้อมูลข่าวสาร โปรโมชั่น/คูปองลดราคา ส่งให้โดยตรงเข้ามือถือ หรือเก็บข้อมูลพฤติกรรมในร้านได้
ส่วนบริการเดิมอย่าง LINE@ และ Rabbit Line Pay บริการจ่ายเงินผ่านไลน์ ก็ยังคงพัฒนาต่อเนื่องเพื่อผู้ใช้ที่เป็นกลุ่ม SME
ทั้งหมดนี้ก็เพื่อการเป็น Mobile Portal ศูนย์รวมการใช้งานต่างๆบนมือถือที่ผู้ใช้ต้องการ พร้อมผลักดันเศรษฐกิจไทยให้เข้าสู่ยุคไทยแลนด์ 4.0