ColorOS 11
เมื่อปีที่แล้ว OPPO เราเพิ่งได้พบกับ ColorOS 7 ไป แต่มาปีนี้ OPPO เขาไม่เปิดตัว ColorOS 8 แต่กระโดดไปเป็นเวอร์ชัน 11 เลยทีเดียวเพื่อให้สอดคล้องกับ Android 11 ที่เขาพัฒนาต่อยอดมานั่นเอง โดยที่ปีนี้เขามาพร้อมคอนเซปต์ “Make Life Flow” เน้นช่วยชีวิตให้ลื่นไหลขึ้นนั่นเอง
ในระบบปฏิบัติการตัวใหม่ของ OPPO นี้มาพร้อมกับกับคอปเซต์ “Make Life Flow” ที่จะทำให้ชีวิตคุณง่ายและไร้รอยต่อมากขึ้นด้วยกัน 3 ส่วนคือ
- All Around Customization คือทุกอย่างจะสามารถปรับแต่งได้และแสดงออกถึงตัวตนของคุณ
- Seamless Experience คือการใช้งานอย่างไร้รอยต่อ
- Smoothness and More คือการใช้งานที่ไหลลื่นและทรงประสิทธิภาพมากขึ้น
จุดเด่นใน ColorOS 11
- ปรับแต่ง Theme และ UI ให้บ่งบอกตัวตนได้
- ปรับระดับ Dark Mode ได้ 3 ระดับ
- Flex Drop ลากไฟล์ข้ามแอปได้อย่างลื่นไหล
- มีแอปฯ Relax เสียงบรรยากาศเมืองและธรรมชาติชวนผ่อนคลาย
- ส่งไฟล์หากันได้รวดเร็วด้วย Nearby Share
- มี Private System แยกพื้นที่การใช้งานส่วนตัวและการทำงานอย่างชัดเจนโดยจะต้องเข้ารหัส
https://twitter.com/colorosglobal/status/1305705573996929024
All-Around Customization
เพื่อให้เข้ากับคอนเซปต์หลักของระบบปฏิบัติการในปีนี้ทุกอย่างจะสามารถปรับแต่งเพื่อให้เข้ากับความเป็นคุณได้อย่างมากที่สุด ตั้งแต่ Customizable AOD หรือฟีเจอร์การปรับแต่ง Always-On Display ที่จะทำให้คุณแสดงตัวตนออกมาได้อย่างเฉพาะตัวมากขึ้น การเปลี่ยนฟอนต์ การเปลี่ยน Theme รวมถึง Widget ก็สามารถทำได้อย่างสบาย และที่สำคัญยังสามารถปรับระดับ Dark Mode ได้ถึง 3 ระดับอีกด้วยนะ
Customizable AOD
ปรับแต่ง Always-On Display ที่จะทำให้คุณแสดงตัวตนออกมาได้อย่างเฉพาะตัวมากขึ้น
Introducing the new #OPPOColorOS11 Always-on Display feature, it offers a wide variety of styles and patterns to truly represent your style. The content of Always-on Display is not just automatically generated, but created by users with just one stroke to craft a unique pattern. pic.twitter.com/76rL5geUt3
— ColorOS (@colorosglobal) September 14, 2020
ปรับแต่ง Dark Mode ได้ถึง 3 ระดับ
Flex Drop
ด้วยความสามารถนี้จะทำให้การใช้งานหน้าต่างของแต่ละแอปพลิเคชันยืดหยุ่นและสะดวกขึ้น ไม่ว่าจะลากไฟล์ไปใส่ในแอปพลิเคชันไหนก็ทำได้สบายมาก
Today, we live a busy life. To make multitasking easier, we released the Quick Return Bubble in ColorOS 7.2, and with #OPPOColorOS11, we're bringing FlexDrop. Swipe to resize the APP into a small floating window or an even smaller mini-window. pic.twitter.com/ViViH7ikYY
— ColorOS (@colorosglobal) September 14, 2020
OPPO+Google Lens
ระบบปฏิบัติการ ColorOS 11 นี้จะผนวกความสามารถของ Google Lens ในการใช้ AI อ่านข้อความและแปลภาษาได้อย่างง่ายดาย โดยที่เพียงแค่ใช้ 3 นิ้วลากบนข้อความในรูปที่ต้องการระบบก็จะแปลภาษาให้ทันที
We are combining 2 iconic features from OPPO and Google and developed the 3-finger translate, powered by Google Lens. Take a screenshot with the 3-finger gesture and instantly translate the content to any language. How would you use this feature? Share below! #OPPOColorOS11 pic.twitter.com/tIwvuG2gVp
— ColorOS (@colorosglobal) September 14, 2020
OPPO Relax 2.0
แอปพลิเคชันที่มาพร้อมกับเสียง White-Noise บรรยากาศที่ชวนผ่อนคลายด้วยกันอย่างหลากหลาย ตั้งแต่เสียงธรรมชาติไปจนถึงเสียงของเมืองต่าง ๆ ถ้าใครอยากฟังเสียงเมืองกรุงเทพฯ ก็มีเหมือนกันนะ ใครที่อัประบบปฏิบัติการแล้วลองไปฟังได้เลย
This year, OPPO Relax is bringing The Sound of the Cities on #OPPOColorOS11. Now, users can enjoy the sounds of local markets, oceans crashing, and even birds chirping of their favorite places from Bangkok, Thailand to Reykjavik, Iceland. pic.twitter.com/B04dsrbtOv
— ColorOS (@colorosglobal) September 14, 2020
Nearby Share
ด้วยฟีเจอร์ Nearby Share จะสามารถทำให้เราสามารถส่งไฟล์หาเครื่อง Android ด้วยกันได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว
UI First
เทคโนโลยี UI First จะทำให้ศักยภาพของเครื่องที่ใช้ ColorOS ถูกรีดออกมาได้อย่างสุดยอดยิ่งขึ้นทั้งในเรื่องของแรม การตอบสนอง และความเสถียรของเฟรมเรต
Quantum Animation Engine 2.0
ซึ่งในส่วนของ UI การใช้งานจะมีแอนิเมชันที่ไหลลื่นขึ้น ทำให้การใช้งานสมูทไร้การสะดุดเลยล่ะ
Battery Optimization
ขั้นกว่าของโหมดประหยัดพลังงานก็คือ Super Power Saving Mode หรือโหมดประหยัดพลังงานแบบสุด ๆ นั่นเอง แม้เราจะเหลือแบตเตอรี่เพียง 5 % เมื่อใช้งานโหมดนี้ก็จะทำให้สามารถสแตนด์บายได้ยาวนานมากสุดถึง 12 ชั่วโมง หรือแชตส่งข้อความได้ต่อเนื่อง 1.5 ชั่วโมง และโทรศัพท์ได้นานถึง 1 ชั่วโมง
รวมถึงยังมีฟีเจอร์ Battery Guard เอาไว้ป้องกันแบตเตอรี่โทรศัพท์ของคุณในเวลากลางคืนด้วยสำหรับใครที่ชอบชาร์จโทรศัพท์ทิ้งไว้ตอนกลางคืน โดยที่ระบบจะคำนวณปริมาณการชาร์จให้พอเหมาะพอเจาะกับตอนที่เราตื่นพอดีเลยล่ะ
แถมยังมีโหมด Super Nighttime Standby ที่จะช่วยประหยัดพลังงานยามค่ำคืนให้แบตเตอรี่ลดลงเพียงแค่ 2% เท่านั้นใน 8 ชั่วโมง
Information Privacy
ยุคนี้ความปลอดภัยของข้อมูลต้องให้ความสำคัญไม่แพ้กัน โดยที่อย่างแรกเมื่อเราลบแอปพลิเคชันใด ๆ ก็ตามไปโฟลเดอร์ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดจะถูกลบไปด้วย แล้วทาง OPPO ก็จะมีการจำกัดการเข้าถึงข้อมูลของแอปพลิเคชันต่าง ๆ ทั้งข้อมูลตัวระบบ ไมโครโฟน พิกัดสถานที่ รูป หรือรายชื่อก็จะต้องขออนุญาตก่อนเท่านั้น
Private System
นอกจากนี้ยังมี Private System ที่จะช่วยเราแยกระบบออกเป็น 2 ระบบทั้งงานและเรื่องส่วนตัวได้อย่างง่ายดายทั้งการใช้งานและข้อมูล โดยจะต้องเข้ารหัสหรือสแกนลายนิ้วมือเท่านั้นเพื่อที่จะเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ได้
OPPO เริ่มปล่อยอัปเดตตั้งแต่วันนี้
อ้างอิง : OPPO