เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วกับ OPPO FIND N สมาร์ตโฟนจอพับได้รุ่นแรกของ OPPO ในงาน Inno day 2021 มาพร้อมตัวเครื่องพับแล้วมีขนาดเท่ามือถือทั่วไป กางออกมาได้จอใหญ่ 7.1 นิ้ว พร้อมสเปกแบบจัดเต็ม ในราคาเริ่มต้นแค่ 40,380 บาทเท่านั้น
ทาง Oppo ได้พัฒนาสมาร์ตโฟนพับได้ถึง 4 ปี เริ่มมาตั้งแต่ปี 2018 โดยผ่านการพัฒนาต้นแบบมาถึง 6 โมเดลกว่าจะได้ FIND N ออกมา ทางผู้บริหารบอกว่าทำใช้เวลาพัฒนานาน ไม่ต้องการเกาะกระแสสมาร์ตโฟนพับได้ รับทำออกมาแต่ใช้งานไม่ได้ตามที่ผู้ใช้คาดหวัง ซึ่ง OPPO FIND N จะเน้นให้ความสำคัญ 4 ด้านคือ หน้าจอ, บานพับ, ความทนทานและสเปก
หน้าจอ
ดีไซน์ของตัวเครื่องมาในแบบ 3D Curve โค้งจับได้ถนัดมือ ตัวเครื่องมาพร้อม 2 หน้าจอ คือ หน้าจอด้านนอก พอกางออกมาจะหน้าจอด้านในขนาดใหญ่ หน้าจอ ด้านนอกนั้นจะมีขนาด 5.49 นิ้วในสัดส่วน 18:9 มาพร้อมกล้องหน้าแบบเจาะรู ความละเอียด 31 ล้านพิกเซล เมื่อพับเครื่องแล้วจะมีขนาดหน้าจอเท่ากับสมาร์ตโฟนปกติการแสดงผลแอปต่างๆบนหน้าจอเรียกว่าใช้งานได้สมบูรณ์ สัดส่วนไม่ผิดเพี้ยน โดยจอด้านนอกนั้นจะให้ความละเอียด FHD+ รีเฟรชเรตที่ 60Hz ให้ความสว่างที่ 402 นิต
ส่วนหน้าจอด้านในเมื่อกางออกมาจะมีขนาด 7.1 นิ้ว เรียกว่ามีพื้นที่หน้าจอเพิ่มขึ้นอีก 60% เมื่อเทียบกับจอด้านนอก ซึ่งทาง Oppo เรียกจอนี้ว่า Oppo Serene Display ซึ่งจะเป็นจอ LTPO รองรับ Adaptive reflesh rate ตั้งแต่ 1 – 120 Hz ขึ้นกับคอนเทนท์ที่ใช้งาน ให้ความสว่างสูงสุดที่ 1,000 Nits แสดงสีสันได้อย่างแม่นยำ ไม่เพี้ยน
บานพับ
บานพับเป็นหัวใจสำคัญของสมาร์ตโฟนพับได้ซึ่งทาง Oppo ตั้งชื่อบานพับของตัวเองว่า Flexion Hinge โดยดีไซน์และออกแบบโดย Oppo ทั้งหมด ภายในประกอบด้วยชิ้นส่วนมากถึง 136 ชิ้นส่วน
สิ่งที่เหนือกว่าค่ายอื่นๆก็คือ เวลาพับแล้วจะมีช่องว่างระหว่างหน้าจอแค่ 0.01 มิลลิเมตร เรียกว่าน้อยมากๆจนแทบจะสังเกตด้วยตาเปล่าไม่เห็นว่ามีช่องว่าง ยิ่งช่องว่างยิ่งเหลือน้อยก็จะทำให้ฝุ่นและสิ่งสกปรกอื่นๆนั้นเข้าไปได้ยากขึ้น นอกจากนั้นตัวบานพับสามารถใช้งานในโหมด Flex Form กางใช้งานได้เหมือนแล็ปท็อป ซึ่งองศาการกางได้ตั้งแต่ 50-120 องศา
อีกปัจจจัยที่ทำให้คนยังไม่ตัดสินใจซื้อสมาร์ตโฟนจอพับก็คือเรื่องของ รอยพับตรงกลางหน้าจอ ที่กางออกมาแล้วจะเป็นรอยนูนขึ้นมา ทำให้เวลาสไลด์นิ้วผ่านจะสะดุด ซึ่งทาง Oppo ได้แก้ไขตรงจุดนี้ด้วยการลด รอยนูนให้ลดลงไปถึง 80% เมื่อเทียบกับแบรนด์อื่นๆทำให้ใช้งานได้ดีขึ้น
ความทนทาน
ตัวบานพับสามารถใช้งาน การเข้ากางออกได้ 200,000 ครั้งหรือประมาณ 5.4 ปีในกรณีที่การเข้าออกวันละ 100 ครั้ง นอกจากนั้นยังมีการทดสอบที่อุณหภูมิ -20 องศาเซลเซียล ก็ยังผ่านการทดสอบ 200,000 ครั้งได้สบายๆ
ส่วนหน้าจอเองก็มีความทนทานสูง ซึ่งหน้าจอนั้นจะมีทั้งหมด 12 เลเยอร์ โดยชั้นนอกสุดจะเป็น Ultra Thin Glass (UTG) กระจกสุดบางที่มีความหนาแค่ 0.03 มิลลิเมตรเท่านั้น ส่วนฝาหลังของตัวเครื่องก็เพิ่มความแข็งแรงด้วยการเลือกใช้กระจก Gorilla Glass Victus ที่มีความทนทานสูง
สเปก
ส่วนสเปกก็จัดเต็มมาพร้อมชิป Sanpdragon 888 มาพร้อม RAM LPDDR5 8/12GB หน่วยความจำ UFS3.1 ที่ 256/512 GB ส่วนกล้องหลัง 3 ตัว เซนเซอร์หลักเป็น IMX766 ของโซนี่ ความละเอียดที่ 50 ล้านพิกเซล ส่วนอีกสองตัวจะเป็น เลนส์ Ultra-Wide ความละเอียด 16 ล้านให้มุมมองกว้าง 123 องศา และเลนส์เทเลความละเอียด 13 ล้านพิกเซล
ฟากแบตเตอรี่ให้มา 4500 mAh รองรับการชาร์จ 33W ชาร์จไร้สายที่ 15W และ Reverse Charging ที่ 10W , X-Asis Linear Motor, ระบบเสียง Dolby Atmos และ Ceramic Lens Plate
ซอฟท์แวร์
Flex Form Mode
- กางใช้งานได้เหมือนแล็ปท็อป 50-120 องศา
- มีการออกแบบให้ UI ใหม่ให้รองรับแอปต่างๆที่ใช้งานในโหมดนี้ เช่น แอป Music, Note, กล้อง, วิดีโอ
- ใช้เป็นขาตั้งกล้องถ่าย Timelapse ดวงดาว / ประชุมออนไลน์
Mutitasking
- โหมดถ่ายรูป กางจออกมา จอด้านนอกจะแสดงรูปพรีวิวให้นางแบบเห็นได้
- กางจอออกมาใช้กล้องหลังความละเอียดสูงถ่ายเซลฟี่
- Split window ลากนิ้วกลางจอบนลงล่าง จะเป็นการเรียกใช้งาน Split View แบ่งหน้าจอใช้งานสองแอปพร้อมกัน
- Screen Split Combination สามารถเลือกตั้งค่าคู่แอปที่ใช้งานพร้อมกันบ่อยๆไว้เป็นไอคอนบนหน้าจอได้ เพื่อให้เรียกใช้งานได้เร็วขึ้น
- Four Finger Zoom ใช้ 4 นิ้วหดหน้าต่างให้เป็น Floating Windows
- Seamless Realy แอปบนจอด้านนอก เวลาที่เรากางเครื่องออกมาก็จะมาโผล่บนจอใหญ่แบบไร้รอยต่อเพื่อให้ใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง
- Customize Keyboard ปรับแต่งแป้นพิมพ์ได้
ตัวเครื่องมี 3 สีให้เลือกคือ สีขาว สีดำและสีม่วง สำหรับคนที่สนใจนั้นราคาขายอยู่ที่
- RAM 8GB/ROM 256GB ราคาอยู่ที่ 7,699 หยวน ประมาณ 40,380 บาท
- RAM 12GB/ROM 512GB ราคาอยู่ที่ 8,999 หยวน ประมาณ 47,200 บาท