เปิดตัวตามคาดกับ Osmo Pocket 2 กล้องจิ๋วพร้อมกิมบอลในตัว กลับมาพร้อมความละเอียด 64 ล้านพิเซล รองรับการซูมวิดีโอ 4 เท่า ถ่ายในสภาพแสงน้อยได้ดีขึ้น
ดีไซน์และขนาดโดยรวมยังคงเหมือนกับรุ่นแรก แต่มีการอัปเกรดสเปกหลายๆอย่างให้ทำงานได้ดีขึ้น ระบบกันสั่นจะเป็นกิมบอลแบบ 3 แกนทำงานร่วมกับ Hybrid 2.0 AF ช่วยให้การจับโฟกัสสิ่งที่กำลังเคลื่อนไหวทำได้แม่นยำและรวดเร็วยิ่งขึ้น แบตเตอรี่สามารถใช้งานได้ต่อเนื่อง 140 นาทีเท่ากับรุ่นแรก ส่วนน้ำหนักรวมอยู่ที่ 117 กรัมเท่านั้น
DJI Pocket 2 กลับมาพร้อมกับเซ็นเซอร์ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 1/1.7″ ช่วยให้เก็บรายละเอียดและถ่ายภาพในสภาพแสงน้อยได้ดีขึ้น ส่วนเลนส์จะเทียบเท่าระยะ 20 มม.ให้มุมมองภาพที่กว้างขึ้น รูรับแสง f/1.8 ความละเอียดที่ให้มานั้นจะเก็บภาพนิ่งได้สูงสุด 64 ล้านในโหมด high-resolution ถ้าไม่ต้องการภาพละเอียดขนาดนั้นก็เปิดโหมดมาตรฐานที่จะบันทึกภาพแค่ 16 ล้านพิกเซลเท่านั้น
นอกจากนั้นตัวเครื่องยังเพิ่มไมโครโฟนเป็น 3 ตัวช่วยให้บันทึกเสียงได้ดีขึ้น ในส่วนของวิดีโอสามารถบันทึกความละเอียด 4k ที่ 60 fps รองรับ HDR พร้อมอัปเกรดการบันทึกสีให้ดียิ่งขึ้น ส่วนการซูมนั้นภาพนิ่งจะซูมได้สูงสุด 8X ส่วนวิดีโอจะซูมได้ 4x เมื่อถ่ายที่ความละเอียด 1080p
Osmo Pocket 2 มีการเพิ่มโหมดการใช้งานมาหลายโหมด
- โหมดโปรช่วยให้ผู้ใช้ปรับการตั้งค่าต่างๆของกล้องได้ตามต้องการเช่น ISO, ความเร็วชัตเตอร์, EV และโหมดโฟกัส
- รองรับการถ่ายไฟล์ RAW
- ActiveTrack 3.0 ช่วยสร้างเฟรมในการติดตามสิ่งที่ต้องการถ่าย
- รองรับการถ่ายวิดีโอสโลโมชัน 240 fps ที่ความละเอียด 1080p
- โหมด timelapse, hyperlapse และ motionlapse
- รองรับการไลฟ์สดผ่าน Facebook และ YouTube
- โหมด Story mode ช่วยเลือช็อต เพิ่มเพลง ใส่ transitions ให้อัตโนมัติพร้อมแชร์ ผ่านแอป DJI Mimo
นอกจากนั้นในปีนี้เราจะได้เห็นอุปกรณ์เสริมใหม่ๆออกมามากขึ้น เช่น Do-It-All Handle, ไมโครโฟนไร้สาย, เลนส์มุมกว้าง เป็นต้นเพื่อช่วยให้การถ่ายทำมีคุณภาพมากขึ้น
สำหรับคนที่สนใจ ราคาขายในไทยสำหรับชุดมาตรฐานอยู่ที่ 11,990 บาท ส่วนชุด Creator Combo อยู่ที่ 16,990 บาท โดยจะเริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 1 พฤศจิกายนเป็นต้นไป
ที่มา DroneDJI