หนึ่งในความน่าสนใจของงาน WWDC ของทุกปีคือ การเปิดโอกาสให้น้องๆนักเรียนนักศึกษาจากทั่วโลกมาแข่งขันในรายการ Swift Student Challenge การแข่งขันเขียนโค้ดด้วยภาษา Swift คัดเลือกตัวแทน 350 คนจากทั่วโลกมาร่วมงาน WWDC ที่จะได้เจอนักพัฒนาตัวจริง รวมถึงมี Session ต่างให้เลือกพัฒนาฝีมือตามความสนใจของแต่ละคน
นับตั้งแต่ปี 2015 มีเด็กไทยผ่านเข้ารอบการแข่งขันรายการนี้ 4 คน ซึ่งปีนี้มีการรับสมัครไปตั้งแต่ 30 มีนาคมถึง 18 เมษายนที่ผ่านมา และประกาศผลผู้เข้ารอบไปเมื่อวันที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมา แต่ความน่าสนใจของปีนี้ คือ มีเด็กไทยเข้ารอบถึง 4 คนเลยทีเดียว
โจทย์ใหญ่ของการแข่งขันคือการพัฒนาแอปคือ แอปใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน แอปที่ช่วยเหลือคนอื่น หรือแอปที่สร้างผลแรงกระเพื่อมต่อสังคม ซึ่งน้องๆแต่ละคนก็ตั้งข้อสังเกตจากสิ่งรอบตัวจนได้ออกมาเป็นแอปของตัวเอง ลองไปดูกันว่าน้องๆแต่ละคนมีมุมมองต่อการพัฒนาแอปอย่างไร








ครอบครัวและสิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งสำคัญ
สิ่งที่น้องทั้งสี่คนเห็นตรงกันว่าครอบครัวและสภาพแวดล้อมเป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนาแอปนั้น เพราะต้องใช้เวลาอยู่กับหน้าจอเป็นเวลานานๆ ผู้ปกครองหลายคนอาจจะไม่เข้าใจคิดไปว่าเด็กกำลังเล่นเกมอยู่รึเปล่า หากผู้ปกครองเข้าใจ สนับสนุนและส่งเสริมให้ถูกจุดก็จะทำให้เด็กพัฒนาได้ไว
สิ่งแวดล้อมอย่างเพื่อนเองก็มีส่วนช่วยผลักดันให้น้องๆ อย่างน้องแก้มเองได้ไดเดีย Fake call จากที่เพื่อเคยเรียกรถแล้วเจอคนขับชวนคุยแปลกๆ หรือน้องอภิที่อยากทำเกม Sodoku แบบยากๆให้เพื่อนได้เล่น รวมถึงเมื่อพัฒนาแอปเส็จแล้วก้เอาไปให้เพื่อนทดสอบ รับฟังความเห็นว่าจะต้องปรับปรุงแก้ไขจุดไหนบ้างเพื่อให้แอปดีขึ้น
การศึกษาภาคบังคับยังไม่ตอบโจทย์
น้องแก้มให้ความเห็นที่น่าสนใจว่าการเรียนคอมพิวเตอร์ตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษานั้นยังไม่ตอบโจทย์การสร้างนักพัฒนาแอปรุ่นใหม่ เพราะการเรียนการสอนจะเน้นเรื่องของทฤษฎีเป็นหลัก การเอาความรู้ที่เรียนมาใช้ปฏิบัติจริงนั้นน้อยมาก บางเรื่องก็ต้องไปศึกษาหาความรู้ด้วยตัวเอง หากปรับการเรียนการสอนให้สนุก เปิดโอกาสให้นักเรียนได้ลงมือจริงก็จะช่วยให้เด็กอยากเรียนอัตโนมัติโดยที่ไม่มีใครบังคับ
ฝั่งของน้องอภินั้นก็เห็นตรงกันเรื่องของการสอนให้สนุกเด็กจะเกิดความอยากเรียนรู้ ซึ่งโรงเรียนสาธิตสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์นั้นเป็นโรงเรียนต้นแบบที่นำเทคโนโลยีมาใช้ในการเรียนการสอน ซึ่งน้องเองก็ได้ใช้ไอแพดและรู้จัก Swift Playgroud มาตั้งแต่ม.2 บวกกับมาเจอกับอาจารย์สอนคอมพิวเตอร์ที่สอนสนุก รวมไปถึงการเรียนการสอนที่เป็น Avtive Based learning ผ่านการทำกิจกรรมต่างๆทำให้น้องไม่รู้สึกว่าตัวเองกำลังเรียนอยู่ ทำให้เกิดความอยากรู้ในการเขียนโค้ดด้วยภาษาคอมพิวเตอร์ประเภทต่างๆ พัฒนาฝีมือจนสามารถเป็นตัวแทนของโรงเรียนไปแข่งขันที่เจนีวา