
A15 Bionic ชิปสุดแรง
ก่อนพูดถึง iPhone ต้องมาดูขุมพลังชิปตัวใหม่ A15 Bionic ก่อนเลย ใช้สถาปัตยกรรม 5 นาโนเมตรมีทรานซิสเตอร์เกือบ 1.5 หมื่นล้านตัว CPU แบบ 6-core ใหม่ที่มาพร้อมคอร์ด้านประสิทธิภาพ 2-core และคอร์ที่ประหยัดพลังงานสูง 4-core เขาเคลมไว้เลยว่าแรงขึ้นกว่าคู่แข่งถึง 50% ชิป GPU 4 Core เคลมว่าเร็วกว่าคู่แข่ง 30 % ประมวลผลดีขึ้น เรียกกันว่าลื่นหัวแตกกันทีเดียว และชิพ A15 Bionic จะไปอยู่ใน iPhone 13 ทุกรุ่นค่ะ
จอ Ceramic Shield ช่วยให้กระจกหน้าจอ ทน อึดและ แกร่งกว่ากระจกไหน ๆบนสมาร์ตโฟน ขนาดหน้าจอ iPhone 13 mini อยู่ที่ 5.4 นิ้ว และ iPhone 13 อยู่ที่ 6.1 นิ้ว
แบตใหญ่ขึ้น ใช้ได้นานขึ้นกว่ารุ่นก่อน 1.5 ชั่วโมงบน iPhone 13 mini และนานขึ้นกว่า 2.5 ชั่วโมงบน iPhone13 เรียกได้ว่าเป็น All day battery life มาพร้อม Smart Data Mode ช่วยให้ประหยัดพลังงานมากขึ้น
จอภาพ Super Retina XDR แบบ OLED มีอัตราส่วนคอนทราสต์ที่เหลือเชื่อ จึงแสดงสีดำได้ดำสนิท และมีความสว่างสูงสุดขณะอยู่กลางแจ้งเพิ่มขึ้น 28% เป็น 800 นิต และเพิ่มความสว่างได้สูงสุดถึง 1,200 นิต สำหรับคอนเทนต์แบบ HDR อย่างภาพถ่ายและวิดีโอ และในขณะเดียวกันยังประหยัดพลังงานมากขึ้นด้วย
ส่วน 5G มาพร้อมฟีเจอร์ Smart Data Mode ช่วยประหยัดพลังงาน หากเราใช้งานเน็ตที่ไม่ต้องการความเร็วมากๆ ระบบจะเปลี่ยนจาก 5G มาใช้ 4G LTE แทนเพื่อช่วยประหยัดพลังงาน
กล้อง
กล้องหลังยังเป็นกล้องเลนส์คู่ ปรับดีไซน์ใหม่ วางแบบทแยงมุม 45 องศา ประกอบด้วยเลนส์ Wide 12 ล้านพิกเซล เซนเซอร์ใหญ่ขึ้น ป้องกันการสั่นไหวแบบออปติคัล ที่ใช้การปรับตำแหน่งเซ็นเซอร์, อีกตัวจะเป็นเลนส์ Ultra-wide 12 ล้านพิกเซล ภาพกลางคืนส่วนที่มืด noise ลดลง เผยให้เห็นรายละเอียดที่มากขึ้น รับแสงได้มากขึ้น 47% นอกจากนั้นยังมีการเพิ่ม Sensor Shift ระบบกันสั่นแบบเดียวกับ iPhone 12 Pro Max ช่วยให้ถ่ายภาพได้นิ่งขึ้น
ที่น่าตื่นตาตื่นใจก็คือ การถ่ายวิดีโอ มาพร้อมโหมดใหม่ Cinematic Mode สามารถบันทึกวิดีโอผู้ของคน สัตว์เลี้ยง และวัตถุพร้อมเอฟเฟ็กต์ระยะชัดลึกที่สวยงาม และเปลี่ยนโฟกัสได้โดยอัตโนมัติ ทำให้เห็นมุมมองใหม่ในการเล่าเรื่อง ใช้เทคนิคที่เรียกว่า “การโฟกัสแบบแร็ค” เป็นการสลับจุดโฟกัสจากสิ่งหนึ่งไปยังอีกสิ่งหนึ่ง เวลามีสิ่งน่าสนใจเข้ามาในฉากจะสลับโฟกัสไปที่สิ่งนั้นทันทีแบบอัตโนมัติ อยากปรับแต่งความเบลอหลัง หรือเปลี่ยนโฟกัสหลังถ่ายเสร็จก็ทำได้ ด้วยการแตะและปัดไม่จอ
ส่วนกล้องหน้าปังกว่าเดิม ถูกใจสายเซลฟี่ ขนาด รอยบากลดลง 20 %ระบบกล้อง TrueDepth ยกคุณสมบัติกล้องหลังมาหมด ทั้งเซลฟี่โหมดกลางคืน โหมดถ่ายภาพบุคคล โหมดภาพยนตร์ และอีกมากมาย
ตัวเครื่องมาพร้อม 5 สีสุดปัง Product Red, Blue, Pink, Midnight, Starlight ใครรอสีชมพูไม่ผิดหวัง ส่วนความจุเริ่มขยับไปที่ 128 GB, 256 GB และ 512 GB ต่างจาก 12 เริ่มที่ 64GB และสูงสุดแค่ 256GB
มาดูเรื่องของราคากันบ้าง iPhone 13 mini ราคาเริ่มต้นที่ 25,900 บาท เทียบกับ iPhone12 mini เริ่มที่ 21,900 ส่วน iPhone13 ราคาเริ่มต้นที่ 29,900 เทียบกับ iPhone12 เริ่มที่ 25,900 บาท