นาย โทมัส บริวสเตอร์ นักข่าวของสำนักข่าว Forbes กล่าวใน Twitter ในวันอังคารที่ผ่านมาเรื่องเอกสารที่แสดงให้เห็นการเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวที่ทาง FBI ใช้อำนาจในทางกฏหมายในการก้าวก่าย

โดยตัวเอกสารนี้ชี้ให้เห็นความสามารถของทาง FBI ว่าสามารถแรกดูข้อมูลแบบไหนได้บ้าง ซึ่งแอพเช่น iMessage, Line, WeChat หรือ WhatsApp และยังมีแอพอื่นๆอีกที่ทาง FBI สามารถเรียกดูข้อมูลได้ทันที

ตัวอย่างคราวๆจากเอกสารนี้เช่นข้อมูลของ iMessage ที่ทาง FBI สามารถเรียกดูข้อความเป็นบางส่วนได้, ถ้าขอหมายศาลก็สามารถดูข้อมูลเบื้องต้นของผู้สมัครได้ด้วย, สามารถดูข้อมูลในการค้าหาย้อนกลับไปได้ถึง 25วัน รวมถึงเบอร์เป้าหมายได้, ถ้ามีหมายค้นก็จะสามารถทำการสำรองข้อมูลเก็บจากเครื่องเป้าหมายได้ และถ้าหากเป้าหมายเก็บข้อมูลใน iCloud จะสามารถขอรหัสเข้าได้ด้วย

ส่วนการเข้าดูข้อมูลของทางแอพ Line นั้น สามารถเรียกดูข้อความบางส่วนได้, ดูรูปโปรไฟล์ ชื่อที่ใช้ อีเมล์ เบอร์โทร Line ID และข้อมูลการสมัครต่างๆได้, ข้อมูลการใช้แอพในด้านต่างๆ, ถ้าข้อความไม่ได้เข้ารหัสเอาไว้และมีหมายศาลให้อำนาจในการขอดู สามารถย้อนดูข้อความกลับไปได้ถึง 7วันได้

ด้าน WeChat ค่อนข้างถูก FBI ค้นได้น้อยหน่อยเนื่องจาก ข้อมูลส่วนใหญ่เก็บที่ประเทศจีน ฉะนั้นทาง FBI ไม่สามารถดูข้อความได้, นอกจากจะเป็นแอคเค้าท์ที่สมัครนอกประเทศจีน จะสามารถดูข้อมูลเบื้องต้นได้คราวๆ เช่น ชื่อ เบอร์โทร อีเมล์ IP address

ส่วนด้าน WhatsApp ทาง FBI ก็สามารถดูข้อความบางส่วนได้เหมือนกัน, หากมีหมายศาลก็สมารถดูข้อมูลเบื้องตันของผู้สมัครได้, หากมีคำสั่งจากศาลก็สามารถเรียกดูข้อมูลของคนที่บล็อคไว้ได้ด้วย, ถ้ามีหมายค้น สามารถดูรายชื่อคนในเครื่องได้ และดูว่าใครโทรเข้าออกหรือส่งข้อมูลมาให้ได้ทุก 15นาที

ข้อมูลนี้เป็นเพียงข้อมูลคราวๆที่เอกสารนี้หลุดออกมา และยังมีแอพอื่นๆอีกหลายแอพที่ทาง FBI ทำการค้นข้อมูลส่วนตัวได้ เช่น Threema, Viber, Wickr จากข้อมูลที่ได้มานั้น ยังไม่รวมถึงการค้นข้อมูลที่เข้ารหัสแบบ Keybase ที่ใช้กันแพร่หลายเช่น Zoom อีกด้วย ซึ่งหากทาง FBI ไม่สามารถค้นข้อมูลตรงส่วนไหนได้ ก็ยังสามารถไปดักข้อมูลกับทางเครือค่ายโทรศัทพ์ระหว่างการส่งข้อความหรือข้อมูลได้อีกทางด้วย