หลายคนอาจจะรู้สึกเสียดายเงินเวลาที่ต้องชาร์จมือถือบ่อยๆ เสียบทีต้องทิ้งไว้หลายชั่วโมง แต่จริงๆแล้วมันใช้ไฟน้อยกว่าที่หลายคนคิดอีกนะ

นี่คืองานวิจัยชิ้นล่าสุดจาก OPower พบว่าการชาร์จไอโฟน 5 จาก 0 ถึง 100% เต็มนั้นคิดแล้วเป็นค่าไฟประมาณ 0.41$ ต่อปีเท่านั้น ส่วน Galaxy S3 ที่ใช้ซีพียูแบบ 4 แกนจะเสียค่าไฟประมาณ 0.53$ ต่อปี (อีกสาเหตุที่ซัมซุงมีค่าไฟที่แพงกว่าก็เพราะใช้แบตเตอรี่ที่มีความจุมากกว่า) คิดเป็นค่าไฟที่ต้องจ่ายต่อปีก็แค่ 12-15 บาทต่อปีเท่านั้น  แต่ถ้ามองโดยรวมแล้วอัตราการบริโภคพลังงานไฟฟ้าของสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ

แล้วถ้าไม่คิดแยกเป็นแต่ละเครื่องเดี่ยวๆล่ะ ทาง OPower พบว่าเมื่อรวบรวมอัตราการบริโภคใช้ไฟฟ้าจากจำนวนไอโฟน 5 ทั้งหมดที่ขายได้ในหนึ่งปีต่อจากนี้ จะพบว่าเท่ากับอัตราการใช้ไฟฟ้าในหนึ่งปีของ 54,000 ครัวเรือนของสหรัฐ นั่นหมายความว่าการใช้ไฟฟ้าของสมาร์ทโฟนไม่ส่งผลกระทบต่อโลกสักเท่าไหร่ แต่อาจจะมีผลบวกต่อการบริโภคมือถือด้วยซ้ำ เพราะสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆจะมีขนาดเล็กลงและกินไฟน้อยลง นั่นหมายความว่าเมื่อใช้มันทำงานแทนแท็บเล็ตหรือพีซีก็จะช่วยลดค่าไฟลงได้มาก

แนวโน้มในช่วง 30 ปีที่ผ่านมาได้แสดงให้เห็นว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์ในบ้านมีอัตราการเติบโตที่สูงมาก ไม่ว่าจะเป็นจอทีวีขนาดใหญ่, เครื่องเล่นเกมและพีซี ส่งผลให้อัตราการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวนับตั้งแต่ปี 1978 จาก 1,770 ล้านล้านบีทียูเป็น 3,250 ล้านล้านบีทียู ซึ่งปริมาณการใช้ไฟฟ้าของอุปกรณ์อิเลคทรอนิคส์ภายในบ้านคิดเป็น 13% ของอัตราการใช้ไฟฟ้าของอเมริกา ปัจจุบัน EPA (การไฟฟ้าของอเมริกา) กำลังสร้างมาตรฐานสำหรับการใช้ไฟฟ้าให้มีประสิทธิภาพสำหรับทีวีและเครื่องเล่นเกม รวมถึงแก๊ดเจ้ดอัจฉริยะอื่นๆเพื่อเป็นแนวทางสำหรับลดการใช้ไฟฟ้าให้น้อยลง

 

แต่สิ่งที่ทำให้เปลืองไฟโดยที่หลายคนยังไม่รู้ตัวก็คือการเสียบปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้า รวมถึงอุปกรณ์ต่างๆค้างไว้โดยที่ไม่ใช้งานค่ะ ถ้าปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตรงนี้ได้ก็จะช่วยลดการใช้พลังงานและประหยัดเงินค่าไฟเพิ่มขึ้นด้วย

VIA Mashable