USB-C เรียกว่าเป็นพอร์ตมาตรฐานแห่งอนาคตซึ่งอุปกรณ์รุ่นใหม่ก็เปลี่ยนมาใช้เยอะขึ้น แต่การใช้งาน USB-C ก็ต้องมีสิ่งที่ผู้ใช้จำเป็นต้องรู้จะได้เกิดปัญหาตามมาภายหลัง
เลือกใช้สายผิดอาจทำให้เครื่องเสียหายได้
ปัญหานี้จะเกิดกับสายที่ด้านนึงเป็นหัวแบบเก่า USB-A และอีกด้านนึงเป็นหัวใหม่ USB-C อย่างที่หลายคนรู้ว่าพอร์ต USB-C นั้นจะรองรับการชาร์จไฟที่มากกว่าแบบเดิม นั้นหมายความว่าถ้าเราใช้ด้านที่เป็นหัวเก่าต่อสำหรับชาร์จไฟเข้าเครื่องก็จะทำให้ไฟเข้ามามากกว่าปกติที่รับได้ ซึ่งอาจทำให้อุปกรณ์ของของเราไหม้ได้
แต่ถ้าสายเราเป็นสายจากแบรนด์ดังๆนั้น ภายในเค้าจะใส่ตัวต้านทาน (resistors inline) เพื่อป้องกันปัญหานี้ ก่อนซื้อก็ลองอ่านข้อมูลบนฉลากผลิตภัณฑ์ดูนะ ยอมจ่ายแพงขึ้นอีกนิดสบายใจขึ้นเยอะเลยค่ะ
พอร์ต USB-C ไม่ได้เหมือนกันทุกพอร์ต
สาย USB-A นั้นจะใช้งานไม่กี่ฟังก์ชั่น เสียบแล้วก็จะใช้ชาร์จไฟหรือถ่ายโอนข้อมูลเท่านั้นเอง แต่สาย USB-C นั้นจะมีฟังก์ชั่นเพิ่มขึ้นมากอีกขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ที่เราเลือกใช้ สาย USB-C ส่วนใหญ่ที่วางขายในตลาดนั้นจะรองรับมาตรฐาน USB 2.0 มากกว่า USB 3.1 เพราะมันถูกออกแบบมาสำหรับการใช้งานด้านการชาร์จเป็นหลัก แต่ถ้าเอามาใช้โอนไฟล์ก็จะทำได้ช้า
ส่วน Thunderbolt 3 ที่เป็นความร่วมมือระหว่าง Intel และ Apple นั้นจะสามารถรับส่งไฟล์ได้ด้วยความเร็วสูงสุดถึง 40 Gbps เรียกว่าเร็วกว่ามาตรฐาน USB 3.1 ถึง 4 เท่า รวมถึงสามารถเชื่อมต่อจอ 4K สองจอในพอร์ตเดียว แต่อุปกรณ์ที่รองรับ Thunderbolt 3 เท่านั้นถึงจะใช้ความสามารถเหล่านี้ได้
USB-C ยังมีโหมด HDMI และ MHL สำหรับเชื่อมต่อกับจอบางประเภท ถ้าเราต้องการใช้สายต่อหน้าจอเพิ่ม เราก็ต้องรู้ก่อนว่าสายนั้นจะสามารถใช้งานได้ ไม่งั้นก็จะเสียเงินแบบเปล่าประโยชน์ พอจะมองเห็นภาพคร่าวๆกันแล้วใช่มั้ยค่ะ ว่าสาย USB-C ไม่ได้ใช้งานได้เหมือนกันหมดทุกเส้น
Dongle อาจจะไม่ใช่ทางออก
หลายคนที่ใช้พอร์ตแบบเก่าแต่ไม่อยากเสียเงินซื้อสายใหม่ ส่วนใหญ่ก็เลือกซื้อหัวอแดปเตอร์มาแปลงเพื่อให้ใช้งาน USB-C ทดแทนกัน แต่ปัญหาก็คือแม้จะเสียบแทนกันได้แต่ก็ไม่ได้ใช้งานได้เหมือนกัน 100% เช่น เรื่องการเชื่อมต่อหน้าจออันนี้ใช้ไม่ได้แน่นอน ยิ่งเป็นของราคาถูกไม่ได้มาจตรฐานนั้นก็อาจจะเกิดปัญหาเรื่องการจ่ายไฟตามมาซึ่งอาจจะไม่ได้กระแสที่สม่ำเสมอจนอาจทำร้ายชิ้นส่วนภายในได้ นอกจากนั้นการซื้ออแดปเตอร์เพิ่มยังเพิ่มของมาให้เราพกเพิ่มอีกชิ้น เวลาถอดเข้าถอดออกเองก็มีโอกาสหายได้
ทั้งหมดนี้คือเรื่องที่เราควรทำความเข้าใจก่อนจะได้ซื้อของที่ตรงกับความต้องการใช้งานทีเดียวจบ จะได้ไม่เสียเงินเสียเวลากับเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องค่ะ
VIA HTG