ปัจจุบัน Facebook มีผู้ใช้มากกว่า 2,300 ล้านคนทั่วโลก ซึ่งเป้าหมายหลักของ Facebook เองก็คือเชื่อมโยงผู้คนและธุรกิจเข้าหากัน อย่างในไทยเองก็มีผู้เข้ามาใช้งานวันละ 38 ล้านคน นั่นจึงทำให้เกิดการดึงดูดธุรกิจต่างๆให้เข้ามาทำการตลาดและโฆษณามากขึ้น แน่นอนว่าสิ่งที่ผู้ใช้สงสัยเกี่ยวกับการใช้งานก็คือ โฆษณาต่างๆปรากฎขึ้นมาบนหน้าฟีดเราได้อย่างไร

สิ่งที่ทาง Facebook ให้ความสำคัญคือ ตัวของผู้ใช้เอง โดยโฆษณาต่างๆที่ปรากฎขึ้นมาในหน้าฟีดของเรานั้นจะมาจากความชื่นชอบของเรา จากข้อมูลที่เราไปกดไลค์กดแชร์โพสต์ต่างๆ การปฏิสัมพันธ์ต่างๆที่เกิดขึ้น ซึ่งระบบหลังบ้านของ Facebook จะทำการวิเคราะห์ออกมาแสดงให้เห็นว่าเราน่าจะชื่นชอบและตรงกับความสนใจของเรานั่นเอง

ส่วนอีกปัจจัยนึงก็คือ การใช้ข้อมูลจากโปรไฟล์ของเราบน Facebook เช่น เพศ อายุ บริเวณที่เราอาศัยอยู่ ซึ่งทางนักโฆษณาสามารถระบุเป้าหมายของโฆษณาได้ ถ้าเราเข้าข่ายคุณสมบัติที่เขาระบุไว้

โปร่งใสและควบคุมได้

ตัว Facebook เองให้ความสำคัญกับผู้ใช้เป็นอันดับแรก ดังนั้นจึงมีเครื่องมือช่วยให้เราสามารถจัดการกับโฆษณาเหล่านี้ได้ด้วยตัวเอง ถ้าอยากรู้ว่าทำไมโฆษณาชิ้นนั้นถึงโผล่บนหน้าฟีดของเรา ให้กดที่จุดสามจุดตรงมุมขวาบน แล้วเลือกที่เมนู “ทำไมฉันถึงเห็นโฆษณานี้” ก็จะมีข้อมูลต่างๆแสดงขึ้นมาให้เรารู้ เช่น ความสนใจ โปรไล์ของกลุ่มเป้าหมาย เป็นต้น ถ้าหากเราไม่สนใจหรือไม่ชอบโฆษณาชิ้นนั้นก็สามารถเลือกซ่อนโฆษณาทั้งหมดจากผู้ลงรายนี้ได้ หรือจะเข้าไปเปลี่ยนคุณสมบัติของโฆษณาเพื่อให้ตรงกับความสนใจของเราได้

เครื่องมือต่อมาคือ AD Library ที่เป็นเหมือนคลังโฆษณาที่ลงทั้งหมดบนแพลตฟอร์มทั้งหมด Facebook เพื่อให้เกิดความโปร่งใสตรวจสอบได้ โดยเราสามารถเข้าไปดูได้พร้อมบอกรายละเอียดไว้ว่าใครเป็นเจ้าของโฆษณาบ้าง แม้ไม่มีบัญชี Facebook ก็ตาม

Ad library

นอกจากนั้นยังมีฟีเจอร์ใหม่ Off Facebook Activity Control เอาไว้ปิดการแชร์ข้อมูลระหว่าง Facebook กัยเว็บไซต์หรือแอปที่เป็นพันธมิตร ถ้าไม่อยากให้มีการแชร์ข้อมูลเกิดขึ้นให้เราไปปิดในการตั้งค่าได้ แต่ตอนนี้เปิดให้บริการใน 3 ประเทศก่อน คือ สเปน ไอร์แลนด์และเกาหลีใต้ ในอนาคตจะขยายการใช้งานในประเทศอื่นๆอีก

มาตรฐานการโฆษณาที่เหมาะสม

ทาง Facebook เองก็มีนโยบายการโฆษณาที่ชัดเจนว่าอะไรคือสิ่งทำได้ ไม่ได้เพื่อให้เกิดความปลอดภัยและเหมาะสมทั้งกับตัวผู้ใช้และแบรนด์ต่างๆที่มาลงโฆษณาเอง มีฟีเจอร์ Block List เพื่อป้องกันไม่ให้ไปโผล่บนเพจที่ไม่ต้องการ ส่วนทางฝั่งของผู้โฆษณาเองก็มีรายงานสรุปรางานผลว่าประสิทธิภาพเป็นยังไง เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการรึเปล่า

โฆษณาอย่างไรถึงจะได้ผลที่ดี?

ระบบโฆษณาของ Facebook เปิดโอกาสให้ทุกธุรกิจสามารถเข้ามาใช้บริการได้โดยไม่มีข้อจำกัด ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจรายย่อยหรือขนาดใหญ่ มีงบประมาณที่ต่างกัน เพราะระบบโฆษณาของ Facebook เป็นระบบประมูล ไม่ได้ขึ้นกับงบประมาณเท่านั้น แต่ยังใช้ปัจจัยอื่นๆมาร่วมคำนวณด้วยโดยเฉพาะเรื่องของ User value ว่าโฆษณานั้นจะให้คุณค่ากับผู้ชมมากน้อยแค่ไหน แม้งบจะน้อยก็สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สิ่งสำคัญที่ทาง Facebook เน้นย้ำก่อนลงโฆษณาก็คือ การกำหนดวัตถุประสงค์ของการโฆษณาให้ชัดเจนว่าต้องการสร้างการรับรู้ สร้างยอดขายหรือดึงให้คนไปที่เว็บไซต์ เป็นต้น จากนั้นค่อยเลือกกลุ่มเป้าหมาย แพลตฟอร์มที่ต้องการ เช่น Facebook, Instagram, Messenger ตั้งงบประมารแล้วเลือกรูปแบบของโฆษณาแล้วทำการกดส่ง

หลังจากนั้นจะมีการใช้เจ้าหน้าที่และกระบวนการอัตโนมัติในการตรวจสอบโฆษณาว่าผ่านเกณฑ์รึไม่ ทำผิดกฎข้อไหนรึเปล่า หากไม่มีปัญหาระบบก็จะทำการวิเคราะห์ว่ายิงโฆษณาเมื่อไหร่ ไปหาใคร บนแพลตฟอร์มไหนถึงจะได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

รายงานสรุปผล

เมื่อโฆษณาปรากฎบน Facebook แล้ว เราจะทำการประเมินผลและวัดค่าการมีส่วนร่วมของโฆษณานั้น จากนั้นจึงส่งรายงานสรุปผลไปยังเจ้าของโฆษณา ทั้งนี้ ข้อมูลทั้งหมดในรายงานจะเป็นผลสรุปโดยรวมในรูปแบบนิรนาม เนื่องจาก Facebook ไม่มีนโยบายเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวใดๆ ไม่ว่าจะเป็นชื่อหรือเบอร์ติดต่อของผู้ใช้งาน

รายงานสรุปผลจะช่วยให้ธุรกิจเข้าใจว่าโฆษณาประเภทไหนมีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อช่วยให้เกิด การตัดสินใจที่เหมาะสมยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเลือกกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย รูปแบบของการโฆษณา ตลอดถึงงบประมาณและองค์ประกอบอื่นๆ ซึ่งจะช่วยผลักดันแคมเปญโฆษณาให้ประสบความสำเร็จ

นักโฆษณาที่ประสบความสำเร็จทำอย่างไรกันบ้าง

·         มุ่งเน้นวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของธุรกิจ – เลือกวัตถุประสงค์ของแคมเปญให้สอดคล้องกับจุดมุ่งหมายที่แท้จริงของธุรกิจของคุณ ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถเชื่อมต่อกับผู้คนที่มีส่วนช่วยผลักดันธุรกิจของคุณให้เติบโต

·         เรียนรู้การใช้งานเครื่องมือต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด – ระบบการเผยแพร่โฆษณาของเราทำงานอย่างครอบคลุมนับตั้งแต่เริ่มแคมเปญ และจะเรียนรู้พร้อมปรับเปลี่ยนจากพฤติกรรมการตอบสนองของผู้ใช้งาน เพื่อเพิ่มโอกาสให้โฆษณานั้นทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

·         สร้างสรรค์ประสบการณ์เยี่ยมยอดทันทีเมื่อคลิกดูโฆษณา – ประสบการณ์ที่ดีและสม่ำเสมอของผู้บริโภคคือกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้คนที่สนใจโฆษณากดดูข้อมูลต่อ ดังนั้นประสบการณ์ที่ดีไซน์เนื้อหาให้เหมาะกับประสบการณ์ของผู้ใช้ เช่น การใช้โฆษณาแบบ Leads Ads หรือการส่งข้อความทันทีถือเป็นตัวเลือกที่ดีในการช่วยลดการติดขัดที่อาจเกิดขึ้นจากการที่ลูกค้าต้องออกจากหน้าแอพ

เจมส์ ตัน ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์ ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค Facebook กล่าวว่า

ที่ Facebook เรามุ่งมั่นดำเนินงานตามหลักสำคัญที่เน้นด้านการป้องกันความลับของข้อมูล ความโปร่งใส และความสามารถในการควบคุม ในขณะเดียวกัน เราตั้งใจช่วยผลักดันธุรกิจนับล้านให้สามารถเชื่อมต่อกับผู้คนมากมายผ่านการโฆษณาแบบเจาะจง รูปแบบการทำงานของโฆษณาบน Facebook จึงมีประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อผู้คนต่างได้รับผลประโยชน์ นี่คือเหตุผลที่เราได้ออกแบบประสบการณ์การใช้สื่อโฆษณาบน

แพลทตฟอร์มต่างๆ ของเรา ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram, Messenger และ Audience Network ให้เหมาะสมและมีคุณค่ากับผู้ใช้งาน โดยสิ่งนี้เป็นหลักปรัชญาในการทำงานของโฆษณาของเรา Facebook ต้องการให้ทุกๆ คนสามารถเข้าถึงธุรกิจต่างๆ ที่สนใจบนแพลทฟอร์มที่พวกเขารู้สึกปลอดภัยและไว้วางใจ สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นจากมาตรการเพื่อความปลอดภัยและฟีเจอร์เพื่อความโปร่งใสต่างๆ ที่ Facebook เปิดตัวไป เช่น ฟีเจอร์ “ทำไมฉันจึงเห็นโฆษณานี้” และ “Ad Library” ทั้งนี้ เพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานเข้าใจได้ดียิ่งขึ้นและยังสามารถจัดการโฆษณาต่างๆ ที่พวกเขาเห็นได้บนแพลทฟอร์มของเรา ในขณะที่ Facebook กำลังเติบโตและก้าวไปข้างหน้า เราจะยังคงทำงานอย่างหนักเพื่อให้มั่นใจว่าแพลทฟอร์มของเราจะสามารถสร้างคุณค่าให้กับทั้งภาคธุรกิจและผู้บริโภค โดยส่งมอบความปลอดภัยให้กับทุกคน