ปีนี้ถือว่าเรื่องความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวถือเป็นประเด็นใหญ่ที่หลายฝ่ายให้ความสำคัญมากขึ้น ล่าสุดทาง Google ได้ อัปเดตเครื่องมือและตั้งค่าความเป็นส่วนตัวเพื่อให้ผู้ใช้งานมีความปลอดภัยในการใช้งานมากขึ้น

ล่าสุดทาง Google  จึงได้ทำการอัปเดตเครื่องมือและการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวสำหรับผู้ที่ใช้บริการและผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงวิธีปฏิบัติในการเก็บรักษาข้อมูลในผลิตภัณฑ์หลักของ Google เองเพื่อจำกัดการเก็บข้อมูลให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้

สิ่งที่ทาง Google ให้ความสำคัญ 3 เรื่องคือ การปฏิบัติต่อข้อมูลของผู้ใช้อย่างรับผิดชอบ, การทำให้ผู้ใช้สามารถควบคุมข้อมูลของตนได้ และการรักษาข้อมูลของผู้ใช้ให้ปลอดภัย โดยฟีเจอร์เรื่องความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวนั้นจะมีพื้นฐานมาจาก 3 เรื่องนี้

การปฏิบัติต่อข้อมูลของผู้ใช้อย่างรับผิดชอบ

ทาง Google ยืนยันว่า ข้อมูลการใช้งานที่มีการเก็บไปนั้น ไม่ได้นำไปใช้สร้างรายได้หรือขายข้อมูลต่อให้ใคร โดยข้อมูลส่วนใหญ่นั้นจะนำไปใช้เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการให้ดีขึ้น ซึ่งข้อมูลที่นำไปใช้นั้นจะเป็นข้อมูลที่ไม่มีการระบุตัวตน

นอกจากนั้นมีการนำข้อมูลส่วนเล็กๆไปใช้ในการยิงโฆษณาให้ตรงกับความสนใจของผู้ใช้ ส่วนบริการที่มีการเก็บเนื้อหาส่วนตัวเช่น Gmail, Google Drive และ Google Photos นั้นจะไม่มีการเก็บข้อมูลอย่างเด็ดขาด เพื่อให้ผู้ใช้มั่นใจในการใช้งาน ทาง Google ได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆดังนี้

ลบข้อมูลอัตโนมัติ 

หลายคนอาจะเข้าใจว่าทาง Google เก็บข้อมูลผู้ใช้เอาไว้ทั้งหมดไม่มีการลบทิ้ง แต่จริงๆแล้วเมื่อเวลาผ่านไประยะนึงข้อมูลเก่าก็จะถูกลบทิ้ง เมื่อปีที่แล้วทาง Google ได้เพิ่มฟีเจอร์ให้ผู้ใช้สามารถเข้าไปลบข้อมูลย้อนหลังจากการใช้งานแผนที่, การค้นหาและการใช้งาน YouTube ย้อนหลัง เมื่อข้อมูลอายุเกิน 3 เดือนหรือ 18 เดือนได้ด้วยตัวเอง ซึ่งปีนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงสำหรับผู้สมัครใช้บัญชี Google ใหม่จะเปิดการทำงานลบข้อมูลอัตโนมัติเมื่อข้อมูลเก่าเกิน 18 เดือนให้เป็นค่าพื้นฐานเลยค่ะ

เมื่อข้อมูลมีอายุเก่าเกิน 18 เดือนก็จะถูลบอัตโนมัติ ซึ่งเราสามารถเข้าไปเปลี่ยนการตั้งค่าว่าจะให้ลดเวลาเป็น 3 เดือนหรือปิดการตั้งค่าได้ตามต้องการ นอกจากนั้น Google จะคอยเตือนเกี่ยวกับการควบคุมการลบอัตโนมัติผ่านการแจ้งเตือนในผลิตภัณฑ์และทางอีเมลเพื่อให้เราสามารถเลือกการตั้งค่าการลบอัตโนมัติที่เหมาะกับการใช้งานของตัวเอง

การควบคุมในรูปแบบที่เราต้องการ

Google ยังเปิดให้ผู้ใช้สามารถควบคุมสิ่งต่างๆในการใช้งานบริการต่างๆได้ด้วยตัวเอง

กิจกรรมของฉันบน Google (My Activity) ส่วนนี้จะรวมกิจกรรมที่เราใช้งานบริการของ Google ทั้งหมดรวมไว้ในที่เดียว ทำให้เราสามารถเข้าไปจัดการและลบข้อมูลในส่วนนี้ได้ด้วยตัวเอง

การตรวจสอบความเป็นส่วนตัว (Privacy Checkup)  ทาง Google เพิ่มการให้คำแนะนำเชิงรุก รวมถึงเคล็ดลับต่างๆ เพื่อช่วยให้เราจัดการการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวให้มีความปลอดภัยยิ่งขึ้น

เข้าโหมดไม่ระบุตัวตน (Incognito mode) ได้ง่ายขึ้น หลายคนชอบใช้งานโหมดไม่ระบุตัวตนบนบริการต่างๆของ Google เพราะการใช้งานจะไม่มีการเก็บข้อมูลส่วนตัวไปใช้ ในปีนี้ก็มีการอัปเดตให้เข้าใช้งานโหมดนี้ผ่านแอปได้ง่ายขึ้น ถ้าเราล็อกอินใช้งานบัญชี Google อยู่ ถ้ากดที่รูปโปรไฟล์ของเราค้างไว้ก็จะสลับเป็นโหมดไม่ระบุตัวตนให้ทันที ซึ่งสามารถใช้ได้กับแอป Google ก่อน จากนั้นจะขยายไปยังแอป Google Maps และ YouTube ด้วย

การควบคุมบัญชี Google โดยตรงจาก Google Search: Google เพิ่มความรวดเร็วในการจัดการความเป็นส่วนตัวได้เร็วขึ้นผ่าน Google Search เพียงแค่เราพิมพ์ การตรวจสอบความเป็นส่วนตัว (Privacy Checkup) , การตรวจสอบความปลอดภัยของบัญชี Google แล้วเราจะเห็นหน้าต่างใหม่ปรากฎขึ้นให้เราจัดการความเป็นส่วนตัวได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งหน้าต่างนี้เราจะเห็นแค่คนเดียวเท่านั้น

ปกป้องข้อมูลของผู้ใช้ในเชิงรุก 

Google ได้ใช้ระบบป้องกันอัตโนมัติในผลิตภัณฑ์ทั้งหมด รวมถึง Safe Browsing ที่ช่วยปกป้องอุปกรณ์มากกว่า 4 พันล้านรายการจากฟิชชิงและมัลแวร์ในแต่ละวัน และ Google Play Protect ที่ช่วยสแกนแอปต่างๆ ทั้งก่อน ระหว่าง และหลังการดาวน์โหลดเพื่อช่วยให้อุปกรณ์ของคุณปลอดภัย

เมื่อ 5 ปีที่แล้ว Google ได้เปิดตัว Security Checkup ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ครบวงจรและใช้งานง่ายสำหรับการรักษาความปลอดภัยของบัญชี Google ของคุณ เพียงคลิกเดียวคุณก็จะเห็นภาพรวมความปลอดภัยของบัญชีของคุณ พร้อมทั้งคำแนะนำเฉพาะบุคคล เพื่อช่วยรักษาข้อมูลของคุณให้ปลอดภัย ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้ Password Checkup ซึ่งเป็นเครื่องมือสำหรับตรวจสอบว่ารหัสผ่านที่บันทึกไว้ในบัญชี Google ของคุณเคยถูกบุกรุกหรือไม่ จะกลายเป็นส่วนสำคัญของ Security Checkup

มีผู้ใช้ Password Checkup เพื่อตรวจสอบความปลอดภัยของรหัสผ่านแล้วกว่า 100 ล้านคน และพวกเขาพบว่าการละเมิดข้อมูลส่วนตัวลดลงถึง 30% ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการรักษาความปลอดภัยให้กับผู้คนที่ใช้ผลิตภัณฑ์และบริการของ Google รวมถึงเว็บไซต์ต่างๆ ด้วย เช่นเดียวกับองค์ประกอบอื่นๆ ของการตรวจสอบความปลอดภัย โดยที่ Google จะให้ข้อมูลที่คุณต้องการเพื่อรักษาความปลอดภัยบัญชีที่มีความเสี่ยงโดยอัตโนมัติ เนื่องจากตอนนี้ Password Checkup ได้ถูกผนวกรวมเข้ากับบัญชี Google และ Chrome เป็นที่เรียบร้อยแล้ว  ซึ่ง Google จะทำการยกเลิก Password Checkup ที่เป็นส่วนขยายใน Chrome ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ 

การลงทุนในเทคโนโลยีการรักษาความเป็นส่วนตัว

การเป็นผู้ดูแลข้อมูลของคุณอย่างรับผิดชอบหมายถึงการรักษาข้อมูลให้คงความเป็นส่วนตัวอยู่เสมอ ซึ่งเป็นเหตุผลที่ Google ยังคงเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีการรักษาความเป็นส่วนตัวร่วมกับวิศวกรที่มีความเชี่ยวชาญในด้านนี้นับพันคน เพื่อให้การปกป้องข้อมูลของผู้ใช้ในผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของ Google ให้มีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น ความเป็นส่วนตัวที่แตกต่างกันช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับรายงานความเคลื่อนไหวของชุมชนในสถานการณ์โควิด-19ของเรา (COVID-19 Community Mobility Reports) ซึ่งช่วยสนับสนุนเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในการต่อสู้กับโควิด-19 ด้วยการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการใช้บริการสถานที่ต่างๆ ของประชาชน ในขณะที่ยังคงรักษาไว้ซึ่งนโยบายความเป็นส่วนตัว

นอกจากนี้ยังถูกนำไปใช้ใน Google Maps เพื่อให้คุณตรวจสอบได้แบบเรียลไทม์ว่าร้านอาหารที่คุณสนใจมีผู้ใช้บริการมากน้อยแค่ไหน แต่จะไม่แสดงให้เห็นว่ามีใครบ้างที่อยู่ในร้านนั้น ในปีนี้ Google ได้ใช้ความเป็นส่วนตัวที่แตกต่างกันและการเรียนรู้แบบสหพันธ์ (federated learning) ซึ่งเป็นเทคนิคที่ได้คิดค้นขึ้นมา ในการฝึกโมเดลที่สนับสนุนการทำงานของ Gboard นำมาสู่ความสำเร็จในการรวมวิธีการที่ก้าวหน้าที่สุดเข้าด้วยกันเพื่อช่วยปกป้องความเป็นส่วนตัวของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น 

เช่นเดียวกับการที่ Google ได้เปิดให้ใช้ Chromium แบบโอเพนซอร์สเพื่อช่วยปรับปรุงเว็บแบบเปิดให้ดีขึ้น โดยจะเปิดให้บริการแหล่งข้อมูลความเป็นส่วนตัวที่แตกต่างกันแบบโอเพนซอร์สเพื่อให้ง่ายต่อการสร้างความเป็นส่วนตัวในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ในอุตสาหกรรมของบริษัท ซึ่งเปิดให้บริการแก่นักพัฒนาทั่วโลกอยู่แล้ว โดยจะขยายการให้บริการในส่วนนี้ให้ครอบคลุมภาษาคอมพิวเตอร์ใหม่ๆ รวมถึง Java และ Go และจะปล่อยเครื่องมือเพิ่มเติมเพื่อช่วยให้นักพัฒนาใช้แมชชีนเลิร์นนิงเพื่อยกระดับการปกป้องความเป็นส่วนตัวขึ้นไปอีกขั้น 

งานของ Google ยังคงดำเนินต่อไป 

ในขณะที่ Google ได้ทำการปรับปรุงด้านความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยในผลิตภัณฑ์ต่างๆ อยู่นั้น  Google ก็ยังคงเดินหน้าสนับสนุนกฎระเบียบและข้อกำหนดทางกฎหมายด้านข้อมูลทั่วโลก ซึ่งรวมถึงกฎหมายความเป็นส่วนตัวที่เข้มงวดและครอบคลุมของรัฐบาลกลางในสหรัฐอเมริกา เพื่อให้สาธารณชนได้รับทราบถึงการดำเนินงานของ Google ที่ได้เผยแพร่กรอบการกำกับดูแลที่สอดคล้องกับกฎหมายและโมเดลความเป็นส่วนตัวทั่วโลก เช่น กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของสหภาพยุโรป (General Data Protection Regulation: GDPR) และประสบการณ์ของเราในการพัฒนาเครื่องมือต่างๆ ที่ให้ความสำคัญต่อความเป็นส่วนตัวเป็นอันดับแรก 

ในขณะที่ผู้กำหนดนโยบายดำเนินงานของพวกเขาต่อไปนั้น Google เองก็จะเดินหน้าดำเนินงานในส่วนของบริษัทด้วยเช่นกัน โดยจะมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้แต่มีการเก็บข้อมูลน้อยลง และช่วยยกระดับความเป็นส่วนตัวสำหรับทุกคน