แม้ไม่มีบัญชี Facebook ก็ถูกตามเก็บข้อมูลได้ ทุกครั้งที่เราเข้าเว็บไซต์หรือแอปที่เชื่อมต่อ Facebook ก็จะส่งข้อมูลกลับไปให้ Facebook โดยไม่สนว่าบุคคลนั้นมีบัญชี Facebook หรือเปล่าMegan Borovicka เริ่มเปิดใช้งาน Facebook ในปี 2013 แต่เธอก็ไม่ได้ใช้งานจนแทบจะลืมไปว่ามีบัญชีนี้อยู่ ไม่เคยอัปเดตสถานะ ไม่เคนกดไลก์รูปไหนเลย แม้แต่แอปบนมือถือก็ไม่เคยเปิด แต่ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา Facebook นั้นสามารถรู้ข้อมูลของเธอได้ตั้งแต่แบรนด์ชุดชั้นในที่ใช้จนไปถึงสถานที่ไหนที่ได้รับเงินเดือน เรียกว่าไม่สามารถหนีได้พ้นเลยไม่ได้ใช้งาน ไม่มีบัญชี Facebook แล้วเก็บข้อมูลได้ยังไงFacebook นั้นมีพันธมิตรอยู่มากมายไม่ว่าจะเป็นเว็บหรือแอปต่างๆที่สามารถทำหน้าที่เก็บข้อมูลแทนได้ แม้เราจะไม่มีบัญชี Facebook ก็ตาม เขาใช้วิธีในการฝังซอฟท์แวร์ติดตามการใช้งานลงไปในแอปหรือเว็บ รวมถึงโปรแกรมสะสมแต้มต่างๆ ซึ่งธุรกิจไหนที่ต้องการทำการตลาดออนไลน์ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องใช้บริการของ Facebook จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ข้อมูลเพลงโปรด, การซื้อของออนไลน์, เว็บที่ชอบอ่านจะถูกส่งกลับไปยัง Facebook ซึ่งทาง Facebook เองก็พยายามนำข้อมูลเหล่านี้ไปจับคู่กับบัญชีผู้ใช้ เพื่อสร้างเป็นโปรไฟล์ ลักษณะนิสัย ความชื่นชอบของคนๆนั้นขึ้นมาจากข้อมูลของบริษัทวิจัย Sensor Tower พบว่า หากเราดู 100 แอปยอดนิยมบนสมาร์ตโฟนจะพบว่ามีถึง 61 แอปที่เชื่อมต่อกับ Facebook อยู่ ส่วน 25% ของเว็บนั้นก็มีการติดตามข้อมูลอยู่ทางตัวแทนของ Facebook ออกมากล่าวว่า “การใช้ข้อมูลจากเว็บและแอปภายนอกเพื่อการโฆษณานั้นเป็นเรื่องปกติในอุตสาหกรรม ซึ่งเราแสดงความโปร่งใสและให้ผู็ใช้สามารถควบคุมได้มาตลอดหลายปีที่ผ่านมา เช่น เครื่องมือช่วยจัดการและดูข้อมูลสรุปว่า Facebook เก็บข้อมูลอะไรบ้างจากแอปและเว็บภายนอก รวมถึงเพิ่มโปรแกรมด้านความเป็นส่วนตัวให้แน่นหนาขึ้น”ราคาที่ผู้ใช้ต้องจ่ายแม้ทาง Facebook จะมีฟีเจอร์ “off-Facebook activity” แต่เป็นฟีเจอร์ที่เพิ่มเข้ามาเมื่อปี 2020 ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากที่ทางสภาคอนเกรส สหรัฐได้สอบสวนเรื่องข้อมูลหลุด ซึ่งฟีเจอร์นี้จะครอบคลุมข้อมูลย้อนหลังแค่ 2 ปีเท่านั้น แต่ในกรณีของ Borovicka นั้นมีการติดตามข้อมูลนานกว่านั้นทาง Borovicka นั้นได้พยายามใช้ข้อบังคับทางกฎหมาย California Consumer Privacy Act ที่บังคับใช้เมื่อปี 2020 เพื่อให้เปิดเผยการเข้าถึงข้อมูลของลูกสาววัย 13 ปีของเธอที่ใช้งานแค่ Instagram โดยกฎหมายฉบับนี้เปิดให้ประชาชนสามารถเข้าถึงและลบข้อมูลของตัวเองได้ แต่ทาง Facebook ไม่เคยส่งข้อมูลที่ร้องขอกลับมาเลยนอกจากนั้น Borovicka ยังใช้กฎหมายฉบับเดียวกันเพื่อดูข้อมูลลูกชายวัย 11 ปีที่ไม่มีบัญชีทั้ง Facebook และ Instagram แต่ทาง Facebook นั้นปฏิเสธการให้ข้อมูลเพราะลูกของเธอไม่มีบัญชีผู้ใช้ แต่ในอีเมลตอบกลับมานั้นทาง Facebook ได้แจ้งว่า สมารถเก็บข้อมูลของลูกชายเธฮได้ หากเข้าเว็บหรือใช้งานแอปที่ใช้บริการของ Facebook โดยจะส่งข้อมูลกลับมา แม้จะไม่มีบัญชีผู้ใช้ Facebook ก็ตาม ซึ่งทาง Facebook บอกว่าจะไม่ใช้ข้อมูลของคนที่ไม่มีบัญชีผู้ นำมาสร้างโปรไฟล์ผู้ใช้เพื่อในการยิงโฆษณา แต่ไม่มีการพูดถึงเรื่องของการลบข้อมูลหรือการป้องกันไม่ให้ใช้งาน”ทั้งหมดนี้คือประเด็นเรื่องความเป็นส่วนตัวคือราคาที่เราต้องจ่าย แลกกับการใช้งาน Facebook สิ่งที่เราทำได้เบื้องต้นก็คือ ปิดการติดตามใน off-Facebook-activity แต่นั่นแค่หยุดการติดตามเท่านั้น แต่ข้อมูลที่เก็บไปแล้วก่อนหน้านี้ไม่ได้หมายความว่าจะถูกลบตามไปด้วย แม้ในมือถือจะมีการตั้งค่าปิดการติดตาม แต่นักการตลาดก็พยายามคิดค้นเทคนิคใหม่ๆในการติดตามข้อมูลที่มา adn / washingtonpost
Megan Borovicka เริ่มเปิดใช้งาน Facebook ในปี 2013 แต่เธอก็ไม่ได้ใช้งานจนแทบจะลืมไปว่ามีบัญชีนี้อยู่ ไม่เคยอัปเดตสถานะ ไม่เคนกดไลก์รูปไหนเลย แม้แต่แอปบนมือถือก็ไม่เคยเปิด แต่ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา Facebook นั้นสามารถรู้ข้อมูลของเธอได้ตั้งแต่แบรนด์ชุดชั้นในที่ใช้จนไปถึงสถานที่ไหนที่ได้รับเงินเดือน เรียกว่าไม่สามารถหนีได้พ้นเลยไม่ได้ใช้งาน ไม่มีบัญชี Facebook แล้วเก็บข้อมูลได้ยังไงFacebook นั้นมีพันธมิตรอยู่มากมายไม่ว่าจะเป็นเว็บหรือแอปต่างๆที่สามารถทำหน้าที่เก็บข้อมูลแทนได้ แม้เราจะไม่มีบัญชี Facebook ก็ตาม เขาใช้วิธีในการฝังซอฟท์แวร์ติดตามการใช้งานลงไปในแอปหรือเว็บ รวมถึงโปรแกรมสะสมแต้มต่างๆ ซึ่งธุรกิจไหนที่ต้องการทำการตลาดออนไลน์ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องใช้บริการของ Facebook จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ข้อมูลเพลงโปรด, การซื้อของออนไลน์, เว็บที่ชอบอ่านจะถูกส่งกลับไปยัง Facebook ซึ่งทาง Facebook เองก็พยายามนำข้อมูลเหล่านี้ไปจับคู่กับบัญชีผู้ใช้ เพื่อสร้างเป็นโปรไฟล์ ลักษณะนิสัย ความชื่นชอบของคนๆนั้นขึ้นมาจากข้อมูลของบริษัทวิจัย Sensor Tower พบว่า หากเราดู 100 แอปยอดนิยมบนสมาร์ตโฟนจะพบว่ามีถึง 61 แอปที่เชื่อมต่อกับ Facebook อยู่ ส่วน 25% ของเว็บนั้นก็มีการติดตามข้อมูลอยู่ทางตัวแทนของ Facebook ออกมากล่าวว่า “การใช้ข้อมูลจากเว็บและแอปภายนอกเพื่อการโฆษณานั้นเป็นเรื่องปกติในอุตสาหกรรม ซึ่งเราแสดงความโปร่งใสและให้ผู็ใช้สามารถควบคุมได้มาตลอดหลายปีที่ผ่านมา เช่น เครื่องมือช่วยจัดการและดูข้อมูลสรุปว่า Facebook เก็บข้อมูลอะไรบ้างจากแอปและเว็บภายนอก รวมถึงเพิ่มโปรแกรมด้านความเป็นส่วนตัวให้แน่นหนาขึ้น”ราคาที่ผู้ใช้ต้องจ่ายแม้ทาง Facebook จะมีฟีเจอร์ “off-Facebook activity” แต่เป็นฟีเจอร์ที่เพิ่มเข้ามาเมื่อปี 2020 ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากที่ทางสภาคอนเกรส สหรัฐได้สอบสวนเรื่องข้อมูลหลุด ซึ่งฟีเจอร์นี้จะครอบคลุมข้อมูลย้อนหลังแค่ 2 ปีเท่านั้น แต่ในกรณีของ Borovicka นั้นมีการติดตามข้อมูลนานกว่านั้นทาง Borovicka นั้นได้พยายามใช้ข้อบังคับทางกฎหมาย California Consumer Privacy Act ที่บังคับใช้เมื่อปี 2020 เพื่อให้เปิดเผยการเข้าถึงข้อมูลของลูกสาววัย 13 ปีของเธอที่ใช้งานแค่ Instagram โดยกฎหมายฉบับนี้เปิดให้ประชาชนสามารถเข้าถึงและลบข้อมูลของตัวเองได้ แต่ทาง Facebook ไม่เคยส่งข้อมูลที่ร้องขอกลับมาเลยนอกจากนั้น Borovicka ยังใช้กฎหมายฉบับเดียวกันเพื่อดูข้อมูลลูกชายวัย 11 ปีที่ไม่มีบัญชีทั้ง Facebook และ Instagram แต่ทาง Facebook นั้นปฏิเสธการให้ข้อมูลเพราะลูกของเธอไม่มีบัญชีผู้ใช้ แต่ในอีเมลตอบกลับมานั้นทาง Facebook ได้แจ้งว่า สมารถเก็บข้อมูลของลูกชายเธฮได้ หากเข้าเว็บหรือใช้งานแอปที่ใช้บริการของ Facebook โดยจะส่งข้อมูลกลับมา แม้จะไม่มีบัญชีผู้ใช้ Facebook ก็ตาม ซึ่งทาง Facebook บอกว่าจะไม่ใช้ข้อมูลของคนที่ไม่มีบัญชีผู้ นำมาสร้างโปรไฟล์ผู้ใช้เพื่อในการยิงโฆษณา แต่ไม่มีการพูดถึงเรื่องของการลบข้อมูลหรือการป้องกันไม่ให้ใช้งาน”ทั้งหมดนี้คือประเด็นเรื่องความเป็นส่วนตัวคือราคาที่เราต้องจ่าย แลกกับการใช้งาน Facebook สิ่งที่เราทำได้เบื้องต้นก็คือ ปิดการติดตามใน off-Facebook-activity แต่นั่นแค่หยุดการติดตามเท่านั้น แต่ข้อมูลที่เก็บไปแล้วก่อนหน้านี้ไม่ได้หมายความว่าจะถูกลบตามไปด้วย แม้ในมือถือจะมีการตั้งค่าปิดการติดตาม แต่นักการตลาดก็พยายามคิดค้นเทคนิคใหม่ๆในการติดตามข้อมูลที่มา adn / washingtonpost
ทาง Borovicka นั้นได้พยายามใช้ข้อบังคับทางกฎหมาย California Consumer Privacy Act ที่บังคับใช้เมื่อปี 2020 เพื่อให้เปิดเผยการเข้าถึงข้อมูลของลูกสาววัย 13 ปีของเธอที่ใช้งานแค่ Instagram โดยกฎหมายฉบับนี้เปิดให้ประชาชนสามารถเข้าถึงและลบข้อมูลของตัวเองได้ แต่ทาง Facebook ไม่เคยส่งข้อมูลที่ร้องขอกลับมาเลยนอกจากนั้น Borovicka ยังใช้กฎหมายฉบับเดียวกันเพื่อดูข้อมูลลูกชายวัย 11 ปีที่ไม่มีบัญชีทั้ง Facebook และ Instagram แต่ทาง Facebook นั้นปฏิเสธการให้ข้อมูลเพราะลูกของเธอไม่มีบัญชีผู้ใช้ แต่ในอีเมลตอบกลับมานั้นทาง Facebook ได้แจ้งว่า สมารถเก็บข้อมูลของลูกชายเธฮได้ หากเข้าเว็บหรือใช้งานแอปที่ใช้บริการของ Facebook โดยจะส่งข้อมูลกลับมา แม้จะไม่มีบัญชีผู้ใช้ Facebook ก็ตาม ซึ่งทาง Facebook บอกว่าจะไม่ใช้ข้อมูลของคนที่ไม่มีบัญชีผู้ นำมาสร้างโปรไฟล์ผู้ใช้เพื่อในการยิงโฆษณา แต่ไม่มีการพูดถึงเรื่องของการลบข้อมูลหรือการป้องกันไม่ให้ใช้งาน”ทั้งหมดนี้คือประเด็นเรื่องความเป็นส่วนตัวคือราคาที่เราต้องจ่าย แลกกับการใช้งาน Facebook สิ่งที่เราทำได้เบื้องต้นก็คือ ปิดการติดตามใน off-Facebook-activity แต่นั่นแค่หยุดการติดตามเท่านั้น แต่ข้อมูลที่เก็บไปแล้วก่อนหน้านี้ไม่ได้หมายความว่าจะถูกลบตามไปด้วย แม้ในมือถือจะมีการตั้งค่าปิดการติดตาม แต่นักการตลาดก็พยายามคิดค้นเทคนิคใหม่ๆในการติดตามข้อมูลที่มา adn / washingtonpost