ถ้าใครใช้ Facebook และ Instagram เป็นประจำ จะเคยสังเกตเห็นว่าเวลาที่กดลิงก์ มันจะไม่ได้เปิดด้วยเบราวเซอร์หลักในอุปกรณ์ของเรา แต่จะใช้เบราว์เซอร์ของตัวเองพาไปยังหน้าเว็บดังกส่าว นั่นเป็นเพราะว่าเบราว์เซอร์นั้นมีการฝังโค้ด javascript เพื่อให้บริษัทแม่อย่าง Meta ใช้ในการติดตามข้อมูลของเราได้ซึ่งคนที่ค้นพบข้อมูลนี้คือ Felix Krause ผู้ก่อตั้งของ fastlane.tools
เขาได้ทำการศึกษาแอป Facebook และ Instagram บน iOS เป็นหลัก นั่นเพราะว่าทาง Apple นั้นมีนโยบาย App Tracking Transparency (ATT) เปิดให้ผู้ใช้เลือกได้ว่าจะอนุญาตให้แอปติดตามการใช้งานได้หรือไม่ ซึ่งทาง Meta บอกว่าฟีเจอร์นี้ทำให้บริษัทสูญเสียรายได้ไปมากกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์
“แอป Instagram นั้นมีการฝังโค้ดติดตามการใช้งานในทุกๆเว็บที่เราเข้าไปใช้งาน รวมถึงโฆษณาที่เราคลิกในแอปด้วย เพื่อให้สามารถล่วงรู้พฤติกรรมการใช้งานของเราได้ ไม่ว่าจะเป็นการกดปุ่ม กดแท็บ กดลิงก์ คัดลอกข้อความ จับภาพหน้าจอ จนไปถึงการใส่รหัสผ่าน ที่อยู่และข้อมูลบัครเครดิตได้ แถมยังใช้งานได้กับทุกเว็บ ไม่ว่าจะมีการเข้ารหัสหรือไม่ก็ตาม”
ทางตัวแทนของ Meta ได้ออกมาบอกว่า การฝังโค้ดเหล่านี้ สอดคล้องกับนโยบาย ATT ของ Apple ซึ่งโค้ดเหล่านี้ทำให้รวบรวมข้อมูลผู้ใช้ ก่อนที่จะนำไปใช้ประโยชน์อย่างการยิงโฆษณาหรือการวัดผลด้านอื่นๆ แต่ถ้าแอปเปิดเว็บด้วยเบราว์เซอร์อื่นๆ อย่าง Safari หรือ Firefox ทาง Meta ก็จะไม่สามารถฝังโค้ดติดตามเข้าไปได้เลย
ทาง Krause แนะนำว่า Meta ไม่ควรทำอย่างนี้ เวลาที่ผู้ใช้ต้องการกดลิงก์ก็ควรเปิดด้วย Safari หรือเบราว์เซอร์อื่นๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีกับผู้ใช้มากกว่า และเป็นสิ่งที่ควรจะทำด้วย
ที่มา engadget