Samsung Electronics เผยโฉมนวัตกรรมทีวีใหม่ในงาน CES 2022 มาครบทั้ง MICRO LED, Neo QLED และกลุ่มไลฟสไตล์ โชว์ความเหนือชั้นด้านภาพ เสียง อัปเกรดอินเทอ์เฟซและอุปกรณ์เสริมที่ปรับแต่งได้ เพื่อสร้างประสบการณ์สมจริงให้กับผู้ใช้
MICRO LED
MICRO LED ที่เน้นความสวยงามและคุณภาพการแสดงผลที่ดีที่สุด ด้วยหลอด LED ขนาดเล็กกว่า 25 ล้านหลอด ที่แต่ละหลอดสามารถให้แสงและสีสันในตัวเอง ทำให้ได้ภาพที่สีสันลึกสมจริง ชัดเจนและคอนทราสแบบจัดเต็ม ซึ่งในปีนี้จะเพิ่มขนาดใหม่ 3 ขนาดคือ 89 ,นิ้ว 101 นิ้ว และ 110 นิ้ว
นอกจากนั้นยังรอบรับ greyscale 20-bit ,DCI และ Adobe RGB color gamut รวมถึงครอบคลุมระดับสีและความสว่างกว่า 1 ล้านระดับ จึงทำให้ได้ประสบการณ์ HDR ที่แท้จริงเก็บรายละเอียดในทุกๆฉาก ได้อย่างเป็นธรรมชาติ
นอกจากนั้น MICRO LED ยังมาพร้อมฟีเจอร์ที่เป็นประโยชน์และปรับแต่งได้ตามความต้องการของผู้ใช้แต่ละคน
- Art Mode เปลี่ยนห้องให้กลายเป็นแกลอรี่ศิลปะ ด้วยการเปลี่ยนหน้าจอให้แสดงงานศิป์ที่ชื่นชอบหรือภาพถ่ายดิจิทัล ซึ่งรุ่นใหม่จะมาพร้อมภาพสุดพิเศษจาก Refik Anadol ดีไซน์เนอร์ชื่อดัง
- Multi View แบ่งหน้าจอเป็น 4 ช่อง เล่นคอนเทนท์จากแหล่งต่างๆได้ถึง 4 แหล่งพร้อมกันจากพอร์ต HDMI 4 พอร์ต รองรับความละเอียด 4K ที่รีเฟรชเรท 120fps
- Dolby Atmos ให้เสียงที่สมจริง รอบทิศทาง จากลำโพงทั้งด้านบน ด้านล่างและด้านข้าง
Neo QLED ยกระดับอีกขั้น
Neo QLED จะมาพร้อมชิปประมวลผลใหม่ที่ล้ำหน้ายิ่งขึ้น ยกระดับทั้งภาพและเสียง มาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ advanced contrast mapping พร้อม BLU (back-light unit) ช่วยเพิ่มความสว่างตั้งแต่ 12 ถึง 14-bit ช่วยควบคุมความสว่างได้ดีขึ้นถึง 16,384 ระดับ เทียบกับก่อนหน้านี้ที่ควบคุมได้แค่ 4,096 ระดับ
นอกจากนั้นยังมีเทคโนโลยีใหม่ Shape Adaptive Light ที่ช่วยวิเคราะห์เส้นสาย รูปทรงและผิวหน้ส เพื่อควบคุมรูปทรงของแสงจากQuantum Mini LED ส่งผลให้รูปทรงทุกขนาดบนทีวีมีความสว่างและความแม่นยำขึ้น ผลที่ตามมาคือคุณภาพของภาพมีความโดนเด่น แสดงผล HDR ได้อย่างเต็มที่ เมื่อมารวมกับฟีเจอร์ใหม่ Real Depth Enhancer อัลกอริทึ่มที่จะช่วยแยกวัตถุและฉากหลังเพื่อให้ได้ภาพที่มีมิติความลึก สมจริงขึ้น
Neo QLED ยังมาพร้อมฟีเจอร์ EyeComfort ปรับโทนและความสว่างให้อัตโนมัติ ด้วยการใช้เซนเซอร์แสงที่ฝังในตัว คอยเก็บข้อมูลสภาพแสง ข้อมูลดวงอาทิตย์ขึ้น/ตก ในกรณีที่แสงเปลี่ยนไป หน้าจอก็จะค่อยลด/เพิ่มความสว่าง รวมถึงลดแสงสีฟ้าให้เหมาะสม เพื่อให้เรารับชมได้สบายตามากขึ้น โดยเฉพาะกลางคืนจะมีประโยชน์มากเพราะแสงเหล่านี้สามารถส่งผลกระทบต่อการนอนได้
ส่วนเรื่องเสียงก็มีการอัปเกรดครั้งใหญ่ เริ่มจาก OTS (Object Tracking Sound) ที่ให้เสียงเคลื่อนไหวไปรอบห้องตามวัตถุที่เคลื่อนไหวบนหน้าจอ ซึ่งฟีเจอร์ OTS Pro จะทำงานร่วมกับลำโพงในการสร้างเสียงขึ้นมา ส่วน Dolby Atmos ก็สมจริงยิ่งขึ้นด้วยการเพิ่มลำโพงด้านบน
Lifestyle TV ผสานดีไซน์และเทคโนโลยี
ในกลุ่มไลฟ์สไตล์ทีวีก็มีการอัปเกรดหน้าจอเป็นวัสดุแบบด้าน เพื่อช่วยลดแสงสะท้อน รวมถึงลดรอยนิ้วมือเวลาที่สัมผัสหน้าจอ Lifestyle ให้มาครบทั้ง The Frame, The Sero และ The Serif โดยหน้าจอได้รับการรับรองจาก UL (Underwriter Laboratories) ในการลด ‘Reflection Glare Free’, ‘Discomfort Glare Free’ และ ‘Disability Glare Free’.
- The Frame หน้าจอแบบด้านให้อรรถรสการเสพงานศิปล์สมจริงยิ่งขึ้น ลดคราบสกปรกและรอยนิ้วมือบนหน้าจอ มีขนาดให้เลือกตั้งแต่ 32 นิ้วจนถึง 85 นิ้ว
- The Serif เพิ่มขนาดหน้าจอใหม่ 65 นิ้ว
- The Sero เพิ่ม Multi View แบบแนวตั้งช่วยให้รับชมหลายคอนเทนท์พร้อมกันได้สบายๆ รวมถึงค้นหาข้อมูลผ่านออนไลน์พร้อมกับรับชมวิดีโอ
Smart Hub และแอปใหม่
Smart TVs ของซัมซุงในปีนี้จะมาพร้อม Smart Hub ใหม่ เป็นศนยืกลางช่วยจัดระเบียบและนำเสนอคอนเทนท์ตามความชื่นชอบของแต่ละคน แนะนำเนื้อหาที่สนใจได้ ช่วยบทุ่นเวลาค้นหา นอกจากนั้นยังมีการแบ่งหมวดหมู่ เช่น สื่อ, เกมและ Ambient ช่วยให้ผู้ใช้โฟกัสหลายๆกิจกรรมในบ้านได้
- Gaming Hub: ช่วยให้ผู้ใช้เข้าถึงเกมที่ชอบได้โดยรวมบริการสตรีมมิ่งไว้ในที่เดียว มีการรวมคลังคอนเทนท์จากพันธมิตรอย่าง NVIDIA GeForce Now, Stadia และ Utomik ซึ่งในอนาคตจะตามมาอีกเพียบ
- Watch Together: แอปใหม่ช่วยให้เราวิดีโอแชทกับเพื่อนหรือครอบครัว ชวยมาดูรายการโปรดพร้อมกันแม้จะอยู่คนละที่ ทำให้รู้สึกใกล้ชิดกันมากขึ้น
- NFT Platform: เพิ่มแพลตฟอร์ม NFT ให้ซื้อขาย NFT ได้โดยตรงจากทีวี รวมถึงแสดงผลงาน NFT ที่มีอยู่บนจอทีวีก็ได้
- Smart Calibration: ปรับคุณภาพภาพให้เหมาะสมที่สุดได้อย่างง่ายและรวดเร็วแค่ 30 วินาทีเท่านั้น หากอยากได้ภาพระดับมืออาชีพก็จะใช้เวลาปรับราวๆ 10 นาที
อุปกรณ์เสริมใหม่
เริ่มตั้งแต่ Auto Rotating Wall Mount และ Stand inherits เพื่อให้ The Sero ติดตั้งกับผนังได้ พร้อมหมุนหน้าจออัตโนมัติตามคอนเทนท์ที่เล่น นอกจากนั้นทีวีทุกรุ่นในปีนี้จะรองรับการแสดงผลแนวตั้ง ทำให้ใช้งานแอป YouTube และ TikTok ในแนวตั้งได้สบายๆ รวมถึงฟีเจอร์ใหม่อย่าง Ambient Mode+ และ Art Mode ก็รองรับการทำงานแนวตั้งเช่นกัน รวมถึงบนรีโมทก็จะเพิ่มปุ่มหนุนหน้าจอในคลิกเดียว
ส่วน The Frame นั้นก็จะมีเมาท์ติดผนังที่บางขึ้นไปอีก
Soundbar ที่ทรงพลังขึ้น
Soundbar มีการอัปเกรดเทคโนโลยีให้เสียงสามมิติสมจริงมากขึ้น Q Symphony ทำงานร่วมกับ Neo QLEDs ทำให้ลำโพงของทีวีและ Soundbar ทำงานร่วมกันอย่างไร้รอยต่อ ฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มมาคือ รองรับการเชื่อมต่อ Dolby Atmos แบบไร้สาย
ส่วน HW-S800B Ultra Slim Soundbar จะมาพร้อมความบางแต่ให้เสียงเบสที่ทรงพลัง พร้อมเพิ่มลำโพงด้านบนให้เสียงมีมิติมากขึ้น
ที่มา Samsung