ผู้บริหารสายการบินใหญ่สหรัฐ รวมตัวยื่นจดหมายแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หลังพบความเสี่ยงตั้ง เสาสัญญาณ 5G ใกล้สนามบินในระยะ 3.21 กม อาจรบกวนการทำงานของอุปกรณ์ในเครื่องบิน
ตอนนี้ผู้ให้บริการเครือข่ายทั่วโลกต่างก็เร่งขยายเสาสัญญาณ 5G เพิ่มมากขึ้นให้รองรับความต้องการ แต่นั่นอาจจะส่งผลกระทบตามมาโดยเฉพาะธุรกิจสายการบิน ล่าสุดทาง Reuters รายงานว่าผู้บริหารสายการบิน American Airlines, Delta Air Lines, United Airlines, Southwest Airlines และสายการบินอื่นๆในสหรัฐได้ออกมาส่งจดหมายให้กับหน่วยงานที่กำกับดูแล เพราะเป็นกังวลเรื่องของการขยายเสาสัญญาณ 5G เข้าใกล้สนามบินเกินไปในระยะ 2 ไมล์หรือ 3.21 กิโลเมตร อาจจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวและคาร์โก้
เนื่องจากสัญญาณอาจจะไปรบกวนการทำงานของอุปกรณ์บนเครื่องบิน ซึ่งส่งผล่อเนื่องให้ไฟลท์ต่างๆอาจจะต้องมีการดีเลย์ เปลี่ยนแผนการบิน หรือยกเลิกเที่ยวบินได้ โดยระยะ 2 ไมล์นี้เป็นระยะที่ทาง FAA เพิ่งออกมาประกาศว่าอาจจะสร้างผลกระทบ
การส่งจดหมายครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ทาง Verizon Wireless และ AT&T ได้ตกลงลิสต์รายชื่อบัฟเฟอร์โซนในสนามบินจำนวน 50 แห่งเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น โดยในระยะเวลา 6 เดือนนี้จะมีการร่วมมือกับหน่วยงานอย่าง FAA และ FCC อย่างใกล้ชิด เพื่อพิจารณาอันตรายที่จะเกิดขึ้นจากการที่ 5G C-Band จะไปรบกวนการทำงานของเครื่องวัดระยะความสูง (radio altimeters) บนเครื่องบิน ซึ่งบางลำจะใช้ในการนำเครื่องลงจอดอัตโนมัติ
แต่ทางสายการบินนั้นยังมองว่าไม่เพียงพอ ด้วยสองเหตุผลใหญ่ 2 ข้อคือ แม้จะมีการ ตั้งบัฟเฟอร์โซนในสนามบินจำนวน 50 แห่ง แต่ก็ไม่เพียงพอเพราะสนามบินที่ไม่มีก็ยังคงได้รับผลกระทบ สองคือ เครื่องวัดระยะความสูง (radio altimeters) ไม่ได้ส่งผลกระทบในเวลาสภาพอากาศที่เลวร้ายเท่านั้น แต่มันส่งผลกระทบตลอดเวลา ซึ่งทางสายการบินได้ข้อมูลจากผู้ผลิตเครื่องบินมาตั้งแต่วันที่ 5 มกราคมว่ามีผลกระทบจริง ตอนนี้ยังไม่มีคำอธิบายว่าทำไมผู้ผลิตเครื่องบินถึงเพิ่งออกมาแจ้งเตือน ทั้งที่การขยายเสาสัญญาณ 5G เกิดขึ้นมาหลายเดือนแล้ว
ส่วนทางสายการบินขนส่งอย่าง FedEx, UPS และ Airlines for America industry group ก็หวังว่าทาง FCC และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็หวังว่าจะออกมาดำเนินการเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคต
ที่มา ZDnet