Google ยกเลิกใช้งาน FLoC เบนเข็มมาใช้ Topics API ระบบใหม่สำหรับยิงโฆษณาตามความสนใจ แทนการใช้ cookies ติดตามข้อมูลผู้ใช้

Topics API เป็นระบบใหม่ที่เก็บข้อมูลผู้ใช้ตามความสนใจ โดยจะระบบความชื่นชอบของแต่ละคน 5 ด้าน เช่น การออกกำลังกาย, การท่องเที่ยว ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะอิงข้อมูลจากการท่องเว็บในเวลา 1 สัปดาห์ ส่วนเบราว์เซอร์เองก็จะทำการเก็บข้อมูลเหล่านี้ไว้ 3 สัปดาห์ก่อนที่จะลบข้อมูลทิ้งไป

ทาง Google บอกว่า หมวดหมู่ความชอบเหล่านี้จะถูกเลือกโดยประมวลผลบนอุปกรณ์ของเรา ไม่มีการส่งข้อมูลไปประมวลผลผ่านเซิร์ฟเวอร์ภายนอก เมื่อเราเข้าเว็บไหน Topics ก็จะแสดงข้อมูลไปยังนักโฆษณาที่เป็นพันธมิตรของเว็บนั้นๆ แต่จะแสดงความสนใจของเราแค่ 3 หัวข้อเท่านั้น และยังเป็นแต่ละหัวข้อที่เลือกมาจาก 3 สัปดาห์ที่ผ่านมาด้วย

จากข้อมูลของเพจ  Topics API GitHub  บอกว่าตอนนี้มี Topics ราวๆ 350 หัวข้อให้เลือกแล้ว ซึ่งในอนาคตจะมีเพิ่มเข้ามาอีก สิ่งสำคัญคือ Topics นั้นจะไม่มีข้อมูลที่มีความอ่อนไหว เช่น เพศ เชื้อชาติ ศาสนา รวมอยู่ด้วย ถ้าใครใช้ Google Chrome ก็จะมีเครื่องมือในการดูและลบ  Topics ของเรา รวมถึงปิดใช้งานฟีเจอร์นี้ไปเลยก็ได้

ทาง Google เองก็พยายามผลักดันระบบใหม่เพื่อที่จะมาใช้แทน  third-party cookies ใน Chrome ภายในปี 2023 ตามที่สัญญาไว้ ตอนนี้ก็เริ่มวางแผนเปิดตัว Topics ให้นักพัฒนาได้ทดลองใช้งานใน Chrome ก่อน แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะเริ่มทดสอบได้เมื่อไหร่

ก่อนหน้านี้ทาง Google เคยทดสอบใช้งาน FLoC (or Federated Learning of Cohorts) ซึ่งเป็นการติดตามผู้ใช้โดยอาศัยความชื่นชอบ แต่ทาง Electronic Frontier Foundation (EFF) ก็ออกมาบอกว่าระบบนี้มีความเสียงด้านความเป็นส่วนตัว เช่น ทำให้นักโฆษณาสามารถระบุตัวตนผู้ใช้ได้ผ่านการใช้ข้อมูลท่องเว็บ โดยเครื่องมือในเว็บสามารถรู้ถึงเบราว์เซอร์และอุปกรณ์ที่ใช้ ซึ่งอาจทำให้เผยข้อมูลทางประชากรเพื่อนำมาใช้ยิงโฆษราแบบระบุเป้าหมายได้ ส่งผลให้เบราว์เซอร์อย่างBrave, Vivaldi, Edge และ Mozilla ปฏิเสธที่จะใช้งาน FLoC

แนวคิดการใช้หัวข้อความสนใจมาติดตามผู้ใช้นั้นไม่ใช่เรื่องใหม่ ทาง EFF ชี้ให้เห็นว่า Privacy Sandbox ของ Google เคยทดสอบแนวคิด PIGIN หรือ “Private Interest Including Noise.” ในปี 2019 สิ่งที่เหมือน Topics ก็คือ การแชร์หัวข้อความสนใจให้กับนักโฆษณา โดยจะให้ข้อมูลเพื่อสร้างโปรไฟล์ผู้ใช้ของตัวเอง ในเวอร์ชั่นใหม่นั้นได้เปลี่ยนมาใช้ ชื่อ FLEDGE แทนซึ่งอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการทดสอบ ซึ่งทาง Google เตรียมเผยรายละเอียดเพิ่มเติมในเร็วๆนี้