ASUS เอาใจสายเกมมิ่ง เปิดตัวสมาร์ตโฟนสองรุ่นใหม่ ROG Phone 6 และ ROG Phone 6 Pro สเปกจัดเต็ม พร้อมจอใหญ่ 6.78 นิ้ว รีเฟรชเรท 165Hz
ROG Phone 6 และ ROG Phone 6 Pro มาพร้อมชิป Snapdragon 8+ Gen 1 มีความจุให้เลือกสูงสุด 512GB หน้าจอยังคงเป็นจอ OLED ขนาด 6.78 นิ้วความละเอียด FHD+ เท่ากับรุ่นก่อนหน้า รองรับการแสดงผลแบบ HDR10+ เสริมความแข็งแรงด้วยกระจก Gorilla Glass Victus สิ่งที่อัปเกรดขึ้นมาคือ อัตรารีเฟรชเรทเพิ่มเป็น 165Hz (โดยที่เราเลือกตั้งค่าได้ตั้งแต่ 60Hz, 90Hz, 120Hz หรือ 144Hz ตามความชอบในการใช้งาน) และตอบสนองต่อการสัมผัสเร็วขึ้นเป็น 720Hz touch-sampling rates ทำให้ตอบสนองต่อการเล่นเกมได้ไวขึ้นส่วนแบตเตอรี่ยังมีความจุ 6,000 mAh รองรับการชาร์จไว 65W
ROG Phone 6 จะมีสองสีคือ สีดำและสีขาว ซึ่งความแตกต่างจากรุ่นโปรแค่ 2 เรื่องก็คือ จะไม่มีจอ OLED จอที่สองติดตั้งอยู่ด้านหลังของตัวเครื่อง รวมถึง RAM ให้มาสูงสุดแค่ 16 GB เท่านั้น แต่รุ่นโปรจะให้มาสูงสุดถึง 18GB
สิ่งที่ ASUS ให้ความสำคัญก็คือ เรื่องของระบบระบายความร้อน ด้วยการใช้เทคโนโลยี 360-degree CPU cooling รวมถึงเพิ่มขนาด vapor chamber ใหญ่ขึ้น 30% เพื่อให้ระบายความร้อนได้ดีขึ้น ซึ่ง ASUS เคลมว่าช่วยลดอุณหภูมิได้ถึง 10 องศาเซลเซียส แถมยังมีอุปกรณ์เสริมอย่าง Aeroactive Cooler คลิปพัดลมสำหรับติดด้านหลังช่วยระบายความร้อน และ ROG Kunai gamepad คอนโทรลเลอร์ช่วยให้เล่นเกมได้สนุกขึ้น รวมถึงหูฟังไร้สาย ROG Cetra True Wireless และ Cetra True Wireless Pro ที่ทำให้เล่นเกมได้อรรถรสมากขึ้น
ด้านของการเล่นเกมก็จัดเต็มทาง ASUS ยังเอาปุ่ม AirTrigger ultrasonic buttons ตรงด้านขวามือและด้านหลังกลัยมา เพื่อให้เราตั้งค่าใช้งานกับเกมที่รองรับได้ ส่วนลำโพงให้มาถึง 4 ตัวให้เสียงกระหึ่มสะใจ หากใครใช้หูฟังก็จะรองรับ Dirac Virtuo spatial audio ด้วย รวมถึงเพิ่มคุณสมบัติ IPX4 กันน้ำกระเด็นใส่ได้ด้วย
ส่วนกล้องหลังจะให้มา 3 ตัวโดยเลนส์หลักมีความละเอียด 50MP ใช้เซนเซอร์ Sony IMX766 ตามมาด้วยเลนส์มุมกว้างพิเศษความละเอียด 13MP และกล้องมาโคร 5MP ส่วนกล้องหน้าใช้เซนเซอร์ใหม่ Sony IMX663 ความละเอียด 12MP
ราคาของ ROG Phone 6 เริ่มต้นที่ 999 ยูโรหรือประมาณ 37,000 บาท ส่วน ROG Phone 6 Pro เริ่มต้นที่ 1,299 ยูโร หรือประมาณ 48,000 บาท โดยจะเริ่มวางขายในอังกฤษและสหภาพยุโรปก่อน จานั้นจะสหรัฐและอินเดียจะตามมาในเร็วๆนี้
ที่มา The Verge