จากข่าวในกระแสสุดฮิตของการซื้อ Twitter โดย Elon Musk นั้นทำให้หลายคนได้หันมาสนใจในข่าวนี้มากยิ่งขึ้น และหลายคนยังอาจจะจับประเด็นบนไทม์ไลน์ข่าวนี้ไม่ได้ชัด ทำให้เนื้อหาข่าวในวันนี้จะเป็นการไล่เรียงเนื้อหาที่ผ่าน ๆ มา เพื่อความเข้าใจและเปิดมุมมองใหม่ให้กระจ่างยิ่งขึ้นกัน 

เริ่มจากวันที่ 4 เมษายน 2565 Elon Musk ได้เข้าซื้อหุ้นของทวิตเตอร์ด้วยมูลค่า 2.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งคิดเป็น 9.2 เปอร์เซ็นต์ หรือผู้ถือหุ้นใหญ่ที่สุดของทวิตเตอร์โดยทันที และในวันที่ 10 เมษายนต่อมา เขาก็ได้ประกาศออกมาว่า จะไม่เข้าร่วมบอร์ดบริหารของทวิตเตอร์แม้จะเป็นผู้ถือหุ้นที่ใหญ่ที่สุดก็ตาม ซึ่งนับว่าเป็นความปั่นป่วนพอสมควรในขณะนั้น 

และในที่สุด ‘อีลอน มัสก์’ (Elon Musk) ก็สามารถจับนกน้อยสีฟ้าเข้ามาอยู่ในกำมือ โดยชนะดีลเข้าซื้อ ‘ทวิตเตอร์’ (Twitter) ได้สำเร็จด้วยมูลค่าประมาณ 4.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว ๆ 1.5 ล้านล้านบาท เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2565 ที่ผ่านมา ถือว่าเป็นมหากาพย์ที่ยิ่งใหญ่สุด ๆ  โดย Elon Musk เองมักจะใช้ทวิตเตอร์เป็นช่องทางสื่อสารหลัก และทุกข้อความของเขานั้นก็สามารถสร้างความปั่นป่วนในวงการต่าง ๆ ได้อย่างวายป่วงเลยทีเดียว เพราะเนื่องจาก Elon Musk ได้เห็นว่า ทวิตเตอร์มีความอิสระในการพูดหรือการสื่อสาร นั่นป็นเหตุผลหลักที่เขาชื่นชอบทวิตเตอร์และอาจจะเป็นเหตุผลในการตัดสินใจซื้อก็เป็นได้ 

แต่วันนี้ กลับเกิดเหตุการณ์พลิกล็อก โดยล่าสุด  Elon Musk ก็ได้เทดีลนี้อย่างเป็นทางการ ในวันที่ 10 กรกฎาคม 2565 นี้ที่ผ่านมา และทางประธานบอร์ดทวิตเตอร์หรือทางผู้บริหาร Bret Taylor ก็มีการตอบโต้ว่า บริษัทนั้นมั่นใจถึงการปฏิบัติตามข้อตกลงในการซื้อกิจการ และการขายทุกอย่างไว้อย่างถูกต้อง จึงได้ดำเนินเรื่องฟ้องร้องในคดีนี้ทันที เนื่องจากได้ผิดต่อสัญญาการซื้อขายไว้ และได้ดำเนินคดีเพื่อเดินเรื่องสัญญาซื้อขายให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง  

จากรายงานของนักข่าว James Clayton ได้กล่าวถึง Elon Musk ว่าตัวเขาได้ใช้เวลาประมาณ 1 อาทิตย์เพื่อศึกษาถึงข้อมูลในทวิตเตอร์ และได้พบปัญหาเกี่ยวกับบอทค่อนข้างมาก ซึ่งจำนวนบอทเหล่านี้เป็นเหตุผลหลักในการยุติดีลนี้นั่นเอง ด้วยเหตุการณ์นี้ส่งผลให้ตลาดหุ้นและหุ้นขององค์กรเกี่ยวกับเทคโนโลยีใหญ่ ๆ ได้ดิ่งลงเป็นอย่างมาก และยังส่งผลถึงบริษัทร่วมสัญญาอย่าง Tesla ในทิศทางเดียวกัน 

ข้อมูล : https://www.bbc.com/news/business-62102821 

เครดิตภาพ : Pixabay, Freepik