เชื่อว่าหลายคนคงได้ยินและเคยได้อ่านข่าวชะลอการลงทุนและการเลิกจ้างพนักงานจากบริษัทเทคโนโลยีชื่อดังทั่วโลก รวมไปถึงในประเทศไทยเองก็เช่นกัน ที่เกิดผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวนและเปลี่ยนไปในทิศทางที่แย่ลง ทำให้สถานะการจ้างงานเองก็ลดลงเป็นอย่างมาก อาทิ Tesla, Netflix, Meta, Coinbase หรือแม้กระทั่ง Microsoft เองก็มีแนวโน้มลดลง ทีนี้ เรามาดูกันดีกว่าว่า อะไรคือสาเหตุแต่ละข้อที่ทำให้หลายบริษัทตัดสินใจปลดพนักงานออก และทำไมผลกระทบจากเศรษฐกิจถึงทำให้ในปีที่ผ่านมารวมถึงปีนี้ได้รับผลกระทบเป็นพิเศษ
เริ่มจากบริษัทด้านชิปและซอฟต์แวร์อย่าง Microsoft ที่ประกาศปลดพนักงานจำนวนน้อยกว่า 1% จากพนักงานทั้งหมด 181,000 คน ที่เหลือจากเหตุการณ์ Layoff เมื่อมิถุนายนปีที่แล้ว ก็ได้ประกาศปลดพนักงานจำนวนหนึ่งอีกครั้ง เนื่องจากโครงสร้างและการบริหารจัดการภายในองค์เพื่อการเปลี่ยนแปลงสู่ปีงบประมาณหน้า และเมื่อวันจันทร์ที่ 11 กรกฎาคม 2565 กลุ่มวิจัยอุตสาหกรรมเทคโนโลยีแห่งหนึ่ง คาดการว่า ‘การจัดส่งพีซี‘ หรืออุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อธุรกิจระบบปฏิบัติการ Windows ของ Microsoft ลดลงเกือบ 13% ในไตรมาสที่สาม ซึ่งซบเซาที่สุดในรอบ 9 ปี ส่วนหนึ่งเป็นเพราะปัญหาด้านภูมิรัฐศาสตร์ หรือก็คือการเมืองและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศนั่นเอง
ต่อด้วยองค์กรด้านสื่อโซเชียลยักษ์ใหญ่อย่าง Meta, Google, Netflix และอื่น ๆ ส่วนใหญ่เป็นผลจากพิษเศรษฐกิจที่ถดถอยลง ไม่ว่าจะสภาวะเงินเฟ้อ ดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูง สงครามรัสเซีย-ยูเครน และราคาน้ำมัน ส่วนใหญ่อัตราการลงทุนลดลงและชะลอการลงทุนไปเพื่อรองรับสภาวะเศรษฐกิจที่กำลังจะเกิดขึ้น
และในหมวดหมู่ของธุรกิจ E-Commerce และ Start Up อย่าง Shopee, JD Central หรือในหมวดหมู่ทางการเงินอย่าง Coinbase และ Paypal ได้ลดพนักงานลงเพื่อจำกัดทรัพยากรหรือต้นทุนลงเป็นผลมาจากสถานการณ์การเมืองและเศรษฐกิจเช่นกัน
สรุปได้ว่า บริษัทเทคโนโลยีทั้งรายใหญ่และรายย่อยได้ชะลอแผนการจ้างงานหรือประกาศลดจำนวนพนักงานในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา เพื่อรองรับภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้น โดยแต่ละบริษัทยังคงมีนโยบายและแบบแผนในการจัดการที่แตกต่างกัน แต่จะเห็นได้ว่าทุกบริษัทจะปรับโครงสร้างการบริหารงานให้เข้มข้นและละเอียดมากขึ้น เพื่อจำกัดการใช้ทรัพยากรที่มีอย่างคุ้มค่า ทั้งนี้เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป จะดีขึ้น หรือย่งซบเซาลง และแต่ละที่จะแก้ไขปัญหาอย่างไร มาติดตามไปพร้อม ๆ กัน
ข้อมูล : https://www.cnbc.com/world/
เครดิตภาพ : Freepik, Pixabay