Smart Home

ปีนี้เราเห็นทิศทางของ Smart Home มากขึ้น เรากำลังจะมีล่ามไว้คุยกับเครื่องใช้ในบ้าน มาช่วยให้เราสั่งงานด้วยเสียง เพื่อควบคุมเครื่องใช้อัจฉริยะแทนเรา

Smart Home

ช่วงต้นปี 2016 ไม่มีใครคาดคิดว่า AI จะกลายมาเป็นเทรนด์ของปีนี้ แต่ทาง Amazon พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าการสร้างแพลตฟอร์มและ ecosystem สำหรับ bots เพื่อเชื่อมต่อกับเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆภายในบ้านนั้นสามารถเปิดตลาดใหม่ๆให้กับเหล่าผู้ผลิตฮาร์ดแวร์และผู้พัฒนาซอฟท์แวร์ในการเข้าถึงผู้บริโภค นั่นจึงทำให้ค่ายใหญ่อย่าง Microsoft, Facebook และ Apple ต้องหันมาพัฒนา Bot และ AI เพื่อให้ไม่ตกเทรนด์ ซึ่งอันนี้ต้องยกความดีความชอบให้กับผู้ช่วยเสมือนจริงของ Amazon ที่มีชื่อว่า Alexa

Alexa

Alexa ทำให้ Amzon แข็งแกร่ง

เมื่อ Amazon Echo เปิดตัวครั้งแรกในปี 2014 ไม่มีใครคิดว่ามันจะประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม แต่เมื่อเวลาผ่านไป 2 ปี มันพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าได้กลายเป็นหนึ่งในธุรกิจหลักที่สร้างรายได้ให้กับ Amazon ได้เหมือนกับ Aazon Web Service, บริการส่งสินค้า Amazon Prime และร้านค้าออนไลน์ แม้จะยังไม่มีการเปิดเผยตัวเลขแต่มีการคาดว่าขาย Echo ไปไม่ต่ำกว่า 5 ล้านเครื่อง ซึ่งยอดขายในช่วงปลายปี เพิ่มขึ้นกว่าปีก่อนถึง 900% นอกจากนั้นแอป Alexa บน iOS ยังติด 10 อันดับในแอปฟรีที่มียอดดาวน์โหลดสูง

Amazon Echo เป็นลำโพงมีไมโคโฟนในตัว ภายในมี AI ชื่อ Alexa ทำหน้าที่เหมือนล่ามส่วนตัว เอาไว้คุยกับเครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะต่างๆแทนคุณ ได้ทั้งเปิดปิด ควบคุมการทำงาน รวมถึงดึงข้อมูลจากอินเตอร์เน้ตมารายงานให้คุณรู้ อยากทำอะไรก็พูดสั่งไป ตอนนี้อุปกรณ์ใหม่ๆหลายชิ้นที่ออกวางขาย แม้จะไม่มี Alexa แต่ก็ออกแบบมาให้ทำงานร่วมกันได้ เช่น ระบบอินเตอร์คอม Nucleus, CoWatch นาฬิกา smartwatch, เครื่องดูดฝุ่น และโคมไฟ LED ของ GE ซึ่งทั้งหมดนี้พัฒนาด้วย SDK ของ Alexa นอกจากนั้นของอีกหลายๆอย่างก็วางแผนที่จะรองรับการทำงานของ Alexa ด้วย

ในช่วงฤดูร้อนปี 2017 ทาง Amazon วางแผนที่จะเปิดให้ Alexa สั่งของจากเว็บ Amazon ได้เพียงแค่พูดชื่อสินค้าเท่านั้น ช่วยเพิ่มความสบายได้อีกเยอะเลยค่ะ นี่ถือว่าสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งได้เป็นอย่างดี นอกจากนั้นเค้ายังวางแผนพัฒนา AI ให้ฉลาดยิ่งขึ้น จากจุดเริ่มต้นที่มีทักษะแค่ 100 อย่างแต่ต่อไปมันจะมีทักษะเพิ่มขึ้นมากกว่า 7,500 อย่างเชียวนะ ถ้าคุณอยากได้ทักษะไหนเพิ่มก็ให้ไปดาวน์โหลดจาก Alexa Skills Marketplace ส่วนนักพัฒนาก็จะได้รับการอัพเดท SDK ใหม่ให้ทำอะไรได้มากขึ้นเช่นกัน

 Cortana

Microsoft กำลังจะมา

Microsoft เองก็เริ่มให้ความสำคัญกับ Bot มากขึ้น ด้วยการเปิดตัว Microsoft Bot Framework แต่ช่วงเริ่มต้นนั้นไม่ค่อยสวยงามสักเท่าไหร่เมื่อ chatbot Tay บนทวิตเตอร์ต้องปิดตัวลงเพราะผู้ใช้ไปสอนเรื่องที่ไม่ดีๆให้กับมัน ทางไมโครซอฟท์เองก็ไม่ย่อท้อหันไปใช้ Microsoft Cognitive Services พัฒนาบอตเพื่อสร้าง user interface แบบใหม่ พร้อมสร้างกลยุทธ์ multi-channel สามารถเอาไปใช้กับ Facebook Messenger, Kik, Slack, Microsoft Teams และ Cortana ได้ทันที

ในฟากของงานวิจัยก็มีการคิดค้นอะไรใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง เช่น เทคโนโลยีจดจำคำพูดยาวๆ การำนบอตมาใช้เป็น Search engine รวมถึงการนำ Tay กลับมาอีกครั้งในรูปแบบอื่น ทั้งหมดนี้ทำให้ไมโครซอฟท์ดึงความสนใจของนักพัฒนาได้มากพอสมควร ซึ่งมีคนเข้าร่วมตอนนี้มากกว่า 78,000 คน เรียกว่ามากกว่านักพัฒนาของ Facebook Messenger ถึงหนึ่งเท่าตัว ส่วนแผนการอื่นๆก็คือ การเปิดตัว Azure Bot Service เพื่อให้นักพัฒนาบริหารจัดการบอตของตัวเองได้ง่ายขึ้น

เรื่องสุดท้ายก็คือ Cortana ที่เริ่มจะหันมาแข่งขันกับ Alexa, Siri และ Google Assistant อย่างจริงจัง โดยจะมีการเปิดตัว Cortana Skills Kit ที่ช่วยให้นักพัฒนาเปลี่ยนบอตให้เป็นคำสั่งที่ Cortana เข้าใจ ส่วน Cortana SDK ก็กำลังจะมา ซึ่งมันจะช่วยให้คนที่สนใจนำ Cortana ไปใส่ในอุปกรณ์ของตัวเองได้ เช่น ลำโพงของ Samsung ที่จับมือกับ Harman Kardon เมื่อมีอุปกรณ์ใหม่ๆรวมกับผู้ใช้ Windows 10 ทั่วโลกกว่า 145 ล้านคนทั่วโลก ก็จะทำให้เป็นแพลตฟอร์มที่น่าจับตาเลยทีเดียว

Facebook M

Facebook, Google และ Apple กำลังวางแผน

Facebook Messenger ถือเป็นแพลตฟอร์มการแชทที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลกรองจาก Whatsapp ซึ่งปีที่ผ่านมาก็มีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง เริ่มตั้งแต่ลูกเล่นใหม่อย่างปุ่ม, เมนูและการ์ด ที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ Messenger bots ที่ช่วยให้เราพูดคุยสอบถามกับ Bot ผ่านการแชทได้อย่างเป็นธรรมชาติ รวมถึงสามารถใช้จ่ายเงินได้แล้วในหลายประเทศ ทั้งหมดนี้คือ เป้าหมายในระยะยาวในการเชื่อมโยงระหว่างผู้ใช้และธุรกิจต่างๆ ในส่วนของ AI ที่จะมาเป็นผู้ช่วยเสมือนจริงนั้นมีชื่อเรียกว่า M ซึ่งใช้เวลาพัฒนามามากกว่าหนึ่งปีแล้ว คาดว่าปีนี้เราน่าจะได้ใช้งานจริง ส่วนจะทำอะได้บ้างนั้น ทางมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์กได้แย้มๆผ่านคลิป Jarvis ให้เห็นบ้างแล้ว

Google Assistance

ข้ามมาดูฝั่งของ Google บ้าง ปีที่แล้วมีการเปิดตัวทั้ง Google Home , แอปแชท Allo และ Google Assistance ซึ่งก่อนหน้างานเปิดตัวก็เพิ่งไปซื้อกิจการของ API.ai แพลตฟอร์มที่ใช้สร้างบอตและ AI ที่มีนักพัฒนากว่า 60,000 คนใช้งานอยู่ รวมถึงได้. Gupshup และ Dashbot มาเป็นพันธมิตร ช่วยสร้างและวิเคราะห์การทำงานของ Google Home ด้วย Google Assistant ที่ใส่ลงไปในสมาร์ทโฟนและ Google Home ช่วยให้มันมีความสามารถเทียบเท่ากับ Alexa สั่งงานและพูดคุยกับเครื่องใช้ไฟฟ้ารู้เรื่อง แผนการต่อไปก็คือ การนำบอตไปใช้กับ SMS บน Android ซึ่งจะเป็นยังไงนั้นก็ต้องมาตามกันต่อในปีนี้

ส่วน Apple นั้นถึงจะเปิดตัว Siri ก่อนใครบนไอโฟน แต่ก็ยังไม่มีแผนการต่อไปที่ชัดเจน ทั้งที่คู่แข่งแซงหน้าไปแล้ว แต่ไม่แน่อาจจะมีไม้เด้ดอะไรซ่อนอยู่ก็ได้ สงครามเพื่อแย่งชิงพื้นที่ในห้องนั่งเล่นเพิ่งจะเริ่มขึ้นเท่านั้น

VIA VentureBeat