ปีนี้ผู้ใช้แอนดรอยด์จะได้รับการอัพเดทเป็นเวอร์ชั่นใหม่ Android O ช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ ลองไปดูกันว่าจะมีฟีเจอร์เด่นๆอะไรน่าใช้บ้าง
Android O
ตอนนี้ทางผู้พัฒนาหลายๆคนกำลังทดสอบระบบปฏิบัติการ Android O อย่างขมักเขม้น เพื่อให้พร้อมสำหรับการปล่อยเวอร์ชั่นสำหรับผู้ใช้ทั่วไปในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ โดยจะเปิดให้อัพเดทบน Nexus 5X, Nexus 6P, Nexus Player, Pixel C, Pixel และ Pixel XL ก่อน เราลองไปดูดีกว่าว่าตอนนี้มีของใหม่อะไรบ้าง แต่ย้ำก่อนนะว่าอันนี้เป็นฟีเจอร์ที่มีในเวอร์ชั่นพรีวิวสำหรับนักพัฒนา เวอร์ชั่นจริงอาจจะมีการถอดออกไปก็ได้นะ
1. Picture-picture mode
ฟีเจอร์นี้เป็นฟีเจอร์ที่มีอยู่บน Android TV มาสักพักแล้ว โหมดนี้จะช่วยให้คุณดูคลิปจาก YouTube หรือแอป Google Play ไปพร้อมๆกับการใช้งานแอปอื่นๆได้ โดยคลิปนี้จะเป็นหน้าต่างลอยอยู่เหนือแอปที่กำลังใช้งาน
2. Adaptive icons
การปรับปรุงดีไซน์ของไอคอนต่างๆใหม่ ซึ่งมันจะไม่เหมือนกันทุกเครื่องแต่จะเปลี่ยนไปตามกับอุปกรณ์ที่คุณกำลังใช้งานอยู่ เช่น ไอคอนของทวิตเตอร์ ถ้าอยู่บน Pixel จะเป็นไอคอนรูปสี่เหลี่ยม แต่ถ้าอยู่ Galaxy S8 จะแสดงผลเป็นรูปวงกลม ฟีเจอร์นั้จะช่วยให้นักพัฒนาสร้างไอคอนรูปแบบต่างๆสำหรับอุปกรณ์ที่ต่างกัน รวมถึงเพิ่มเอฟเฟคให้ไอคอนได้ด้วย
3. Notification channels
นี่เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่หลายคนน่าจะชอบ เพราะเค้าจะช่วยจัดระเบียบการแจ้งเตือนต่างๆให้ โดยจะแยกเป็นกลุ่มให้ เช่น แจ้งเตือนแชท แจ้งเตือนเรื่องเทคโนโลยี แจ้งเตือนเรื่องกีฬา ช่วยให้คุณหาการแจ้งเตือนได้เร็วขึ้น ไม่ต้องเลื่อนลงไปไล่หาเอง นอกจากนั้นยังทำให้หน้าจอไม่รกด้วย แต่ข้อจำกัดคือเรายังเลือกหมวดหมู่ของการจัดกลุ่มเองไม่ได้ เพราะนักพัฒนาเค้าจัดมาให้แล้ว
4. Snooze notifications
ปกติถ้าเรากดลากนิ้วลบการแจ้งเตือนมันก็จะหายไปเลยไม่กลับมาอีก ในเวอร์ชั่นใหม่เราสามารถตั้งค่า snooze notifications ได้ เมื่อลากนิ้วที่การแจ้งเตือนเราจะเห็นตัวเลือกใหม่เพิ่มขึ้นมา ให้แจ้งเตือนซ้ำได้อีกภายในเวลา 15 นาที, 30นาทีและ 1 ชั่วโมง ตั้งเตือนซ้ำไว้จะได้ไม่ลืม แถมนักพัฒนายังเลือกให้ตั้งค่าสีพื้นหลังของการแจ้งเตือนได้อีกด้วย
5. Wi-Fi Aware
ฟีเจอร์นี้มีอีกชื่อว่า Neighbour Awareness Networking โดยจะช่วยค้นหา, เชื่อมต่อและแชร์ข้อมูลกับอุปกรณือื่นๆผ่าน Wi-Fi แทนการใช้บลูทูธ ซึ่งช่วยให้เราโอนไฟล์ที่ต้องการได้เร็วขึ้น ในระยะที่ไกลขึ้น
6. แอป Settings ตัวใหม่
การตั้งค่าจะเพิ่มระบบ Suggestions เอาไว้ด้านบนสุด ซึ่งมันจะคาดเดาว่าคุณน่าจะต้องการเข้าไปตั้งค่าสิ่งนี้ ช่วยให้คุรไม่ต้องเสียเวลาเลื่อนหน้าจอลงไปหาสิ่งที่ต้องการทำเอง เช่นสมมุตว่าคุณเปิดอุปกรณ์บลูทูธใหม่ มันก็จะเดาว่าคุณต้องการตั้งค่าการเชื่อมต่อ เป็นต้น
7. Autofill APIs
สำหรับคนที่ขี้เกียขพิมพ์อะไรซ้ำๆ ตอนนี้ก็มีการเพิ่มระบบ autofill จดจำข้อมูลที่คุณเคยกรอกมาแล้ว มาใส่ให้อัตโนมัติ ไม่ต้องเสียเวลาพิมพ์ใหม่ ในกรณีที่คุณใช้แอปช่วยจำรหัสผ่าน มันก็สามารถเชื่อมต่อข้อมูลถึงกันได้ด้วย
8. System UI tuner
System UI Tuner ช่วยให้เราปรับการตั้งค่าเลย์เอ้าท์สำหรับคนที่ถนัดขวาหรือถนัดซ้ายได้ค่ะ นอกจากนั้นยังเพิ่มปุ่มลัดสำหรับเข้าสู่แอปหรือการตั้งค่าเอาไว้บหน้าจอ Lock Screen
9. Higher-quality Bluetooth
ปรับปรุงคุณภาพบลูทูธให้ดีขึ้นด้วยการใส่ Bluetooth audio codec ต่างๆมาให้ หนึ่งในนั้นก็คือ LDAC ที่พัฒนาโดย Sony บิตเรท 990kbps ที่ความถี่ 44.1Khz เรียกว่าคุณภาพเสียงพอๆกับการเปิดฟังจากแผ่นซีดี ยิ่งเอามาใช้กับหูฟังดีๆ รับรองฟังเพลงฟินขึ้นเยอะ
10. Better battery life
ข้อดีที่สุดก็คือ ประหยัดแบตเตอรี่มากขึ้น เพราะมันจะไปช่วยจำกัดการทำงานของแอปที่อยู่เบื้องหลัง รวมถึงพิกัดและเรื่องอื่นๆที่ส่งผลต่อการใช้พลังงาน ช่วยให้เรามีแบตเตอรี่ใช้งานได้นานขึ้น
VIA T3