การทำงานยุคต่อไปไม่ว่าอยู่ที่ไหนเราจะทำงานได้ผ่านเทคโนโลยี หนึ่งในตัวช่วยที่น่าสนใจก็คือ  Cisco Spark แพลตฟอร์ใหม่ สำหรับ Digital Workspace เปลี่ยนทุกที่เป็นที่ทำงานได้

Cisco Spark

Cisco Spark

แนวโน้มขององค์กรต่างๆจะเริ่มเปลี่ยนเป็นดิจิทัลมากขึ้น ด้วยการนำเทคโนโลยีมาช่วยขับเคลื่อน พนักงานเองก็ไม่ต้องเข้าออฟฟิซตลอดเวลา สามารถทำงานได้ทุกที่ทุกเวลา พูดคุยประชุมงานได้ผ่านสมาร์ทโฟนหรือแล็ปท็อป

ทาง Cisco เอง มองเห็นเทรนด์ความเปลี่ยนแปลงนี้จึงได้พัฒนาแพลทฟอร์ม “Cisco Spark” ขึ้นมาสำหรับช่วยให้การสื่อสารและทำงานในองค์ทำได้อย่างไหลลื่นไร้รอยต่อ แพลตฟอร์ม “Cisco Spark” นั้นจะมี 2 ส่วนคือ ซอฟท์แวร์และฮาร์ดแวร์

Software

ตัวซอฟท์แวร์นั้นจะอยู่ในรูปแบบของ App บนสมาร์ทโฟน มีให้โหลดทั้งบน iOS และ Android ลักษณะคล้ายๆกับแอปแชท อย่าง LINE หรือ Messenger แต่จะเน้นฟีเจอร์ที่ใช้สำหรับด้านการทำงานอย่างจริงจัง ไม่ว่าจะแชทคุย โทรหากัน ส่งไฟล์งาน ประชุมผ่านวิดีโอแบบตัวต่อตัว/แบบกลุ่ม ดิจิทัลไวท์บอร์ด โดยการทำงานทั้งหมดจะทำผ่านระบบ Cloud

จุดเด่นก็คือ ใช้งานที่ง่ายมากๆ อินเตอร์เฟซต่างๆออกแบบให้เรียบๆแต่เข้าใจได้ทันที ความปลอดภัยสูงมีการเข้ารหัสแบบ End-to-End Encryption ตัวแอปจะเป็นรูปแบบ Freemium คือ เปิดให้โหลดไปใช้งานกันแบบฟรีๆค่ะ แต่จะจำกัดการทำงานของฟีเจอร์บางอย่างอยู่ เช่น VDO Conference ได้พร้อมกันสูงสุด 3 คน ถ้าต้องการใช้งานมากกว่านี้ต้องจ่ายเงินเพิ่ม

นอกจากนั้นยังมี API สำหรับนำไปเชื่อมต่อกับแอปหรือบริการอื่นๆทำให้เพิ่มความสามารถได้อีก ในไทยเองก็ได้ร่วมกับพาร์ตเนอร์หลายรายนำไปใช้งานจริงแล้ว เช่น

  • การใช้งานในองค์กร มาช่วยอำนวยความสะดวกในการสื่อสารในองค์กร, จัดการ Workflow ที่เป็นขั้นเป็นตอน แจ้งเตือนเมื่องานแรกเสร็จแล้วให้ผู้ที่รับผิดชอบต่อมารับไม้ต่อ รวมถึงการเพิ่ม Bot ช่วยตอบคำถามที่เจอเป็นประจำได้

  • ผู้ช่วยอัจฉริยะ ทาง Cisco ได้จับมือกับ IBM นำปัญญาประดิษฐ์ Watson มาใส่ลงใน Spark กลายเป็นผู้ช่วยอัจฉริยะส่วนตัว คอยเช็คข้อมูลต่างๆ จัดลำดับความสำคัญของงาน เตือนความจำและอีกมากมาย ซึ่งมันจะคอยเรียนรู้ความต้องการใช้งานของเรา
  • การศึกษา ในไทยก็มีการนำ Spark มาช่วยสองเรื่องหลักๆก็คือ การใช้เป็นห้องเรียนเสมือนจริงให้นักศึกษาเข้ามาเรียนและปรึกษาอาจารย์ได้ทุกที่ทุกเวลา รวมถึงนำมาช่วยตอนลงทะเบียน

  • การแพทย์ Spark ได้ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือสำหรับช่วยสื่อสารระหว่างแพทย์และพยาบาล ให้รับส่งข้อมูลและปรึกษาอาการผู้ป่วยได้สะดวกและรวดเร็วขึ้นโดยที่ทั้งสองฝ่ายไม่จำเป็นต้องอยู่ที่เดียวกัน

  • ใช้บริหารจัดการจองห้องประชุมและโต๊ะทำงาน รวมถึงวิเคราะห์การใช้ห้องประชุมว่ามีประสิทธิภาพแค่ไหน
  • Smart Home เราสามารถใช้ Spark เป็นตัวควบคุมอุปกรณ์ต่างๆในบ้านอัจฉริยะได้

Hardware

นอกจากซอฟท์แวร์แล้วทาง Cisco ยังออกแบบอุปกรณ์เสริมสำหรับใช้งานร่วมกับแพลตฟอร์ม “Cisco Spark” เข้ามาทำตลาดในไทยสองตัวคือ

1.Cisco Spark Room Kit/ Room Kit Plus 

อันนี้จะเป็นกล้องสำหรับติดกับจอในห้องประชุม เพื่อให้การประชุมผ่านช่องทางดิจิทัลทำได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่อได้หลายอุปกรณ์ รองรับระบบวิดีโอ conference และการนำเสนองานที่หลากหลาย

ตัวเครื่องมาพร้อมกล้องความละเอียด 5K ลำโพงและไมโครโฟนในตัว มาพร้อมเทคโนโลยีมากมาย ไมว่าจะเทคโนโลยี Facial recognition ช่วยติดตามว่าในห้องมีจำนวนคนกี่คนที่ร่วมประชุม ใครกำลังพูดอยู่ สามารถปรับเฟรมภาพอัตโนมัติได้ นอกจากนั้นยังมาพร้อมคุณสมบัติแชร์ภาพจากมือถือหรือคอมพิวเตอร์ไปบนจอได้ทันทีโดยไม่จำเป็นต้องเชื่อมต่อ LAN เดียวกันเพราะเราทำได้ผ่านระบบ Cloud

2.Cisco Spark Board

ตัวนี้จะหน้าตาเหมือนกระดานไวท์บอร์ดขนาดใหญ่ มีให้เลือกทั้งขนาด 55 และ 70 นิ้ว จอนี้จะเป็นจอสัมผัส เขียนด้วยสไตลัสgเขียนพร้อมกันหลายคนได้ เหมาะสำหรับการใช้สื่อสารและร่วมกันทำงาน รองรับการเชื่อมต่อทั้งคอมพิวเตอร์ มือถือ แท็บเล็ต ข้อมูลต่างๆที่เขียนลงไปบนจอจะไปปรากฎในแอป “Cisco Spark” ผ่านระบบ Cloud นอกจากนั้นยังมีกล้อง 5K และไมโครโฟนในตัวคล้ายๆกับ Roomkit

ตัวฮาร์ดแวร์นั้นจะขายพร้อมกับบริการ subscription จ่ายรายเดือนหรือรายปีตามฟีเจอร์ที่ต้องการใช้งาน

ทั้งหมดนี้ก็เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ SME รวมถึงช่วยให้องค์กรต่างๆเปลี่ยนผ่านเข้าสู่องค์กรดิจิทัลได้อย่างราบรื่นและสะดวกขึ้น