มาแล้ว Olympus E-PL9 กล้องคู่ใจที่สาวๆ รอคอย บอกเลยว่าซีตื่นเต้น พอได้ตัวนี้มาถึงมือปุ๊ป ก็รีบออกไปหาโลเคชั่นเพื่อที่จะถ่ายรูปรีวิวเลย นี้ไม่ได้โม้นะ
Olympus Pen E-PL9
คือแบบอยากบอกต่อมาก คือกล้องมันค่อนข้างฉลาดขึ้น แถมเหมาะมากกับผู้หญิงที่อยากถ่ายรูปโปร แต่ความจริงเราไม่ได้โปรขนาดนั้น! กล้องมันช่วยปกปิดความจริงได้ มันช่วยให้เราเป็นเทพถ่ายภาพสวยได้ มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า เริ่มต้นด้วย Design
สิ่งที่แปลกไปจากตัว E-PL8 ก็คือกริปนั้นเอง กริปทำให้เราสามารถจับกล้องได้ถนัดมือมากขึ้น ซึ่งจริงตัวนี้มันเข้ากับมือมากกว่า คือจับแล้วมันพอดีไม่รู้สึกว่าจะร่วง ส่วนหน้าตาดีไซน์ยังคงไว้เหมือนเดิม ห่อหุ้มด้วยหนัง วัสดุพรีเมี่ยม และที่สำคัญเบา พกพาง่าย จริงๆสมัยนี้คนเราก็พกอุปกรณ์ไอทีเหมือนเป็นเครื่องประดับไปแล้ว ตัวนี้ก็ถือว่าเป็น Fashion item ได้เหมือนกันมีทั้งหมดสามสีคือ ขาว ดำและน้ำตาล อ่อ..สิ่งที่ตัว E-PL9 มีเพิ่มมาให้ในตัวเลยคือ Buildin flash ไม่ต้องพกเพิ่มเติม มีแฟลชมาให้ในตัวแล้ว
หน้าจอเวลาเซลฟี่พับลงเหมือนเดิม ปกติแล้วกล้องเซลฟี่ทั่วไปมักจะให้จอหงายขึ้นบน แต่ตัวนี้มาแปลกพับลงล่างคะ ถามว่าทำไม? ง่ายๆเลยมันเป็นเรื่องของสายตาเลย ปกติคนเซลฟี่จะชอบมองจอ ลืมมองกล้อง ทำให้ตามันดูหลอกๆ เหลือกๆ แต่ตัวนี้พอจอพับลง สายตามันก็ดูโอเคขึ้น ธรรมชาติมากกว่า สิ่งที่เพิ่มมาคือปุ่ม PlayBack บนหน้าจอเลย เวลาถ่ายเสร็จปุ๊ป มันจิ้มหน้าจอดูได้เลย ไม่ชอบก็ถ่ายใหม่ ไม่ต้องพลิกไปพลิกมา
พูดถึงตัวเลนส์ที่มากับกล้องบ้าง เป็นเลนส์ขนาด 14-42mm F3.5-5.6EZ มันก็พอถ่ายโอเคนะ หน้าชัดหลังเบลอได้อยู่ แต่ถ้าใครอยากได้แบบละลายเลยก็สามารถหาซื้อเลนส์เพิ่มได้ เพราะกล้องตัวนี้เปลี่ยนเลนส์ได้นะคะ พูดถึงขนาดความใหญ่ของกล้องและเลนส์ เวลาเปิดกล้องออกมาเลนส์ไม่ได้ใหญ่เกะกะมาก แต่ไม่ใช่เล็กแบบยัดใส่กระเป๋ากางเกงได้นะ คือกระเป๋าถือใบเล็กๆใส่ไปแล้วกระเป๋าก็ตุงอยู่
หน้าตากล้องตัวนี้ก็ยังมีความ Classic เหมือนเดิม ถามซีว่าสีไหนขายดี บอกเลยว่าน้ำตาล คือจริงๆ ผู้หญิงส่วนมากชอบสีขาว แต่พอจะซื้อจริงก็กลัวเลอะ แต่สีดำก็แมนๆไปหน่อย เขาก็เลยจะจบกันตรงกลางคือสีน้ำตาล ส่วนตัวซีชอบสีดำนะ มันดูแบบวินเทจ เหมือนกล้องฟิล์มดีอะ
OLYMPUS E-PL9 มีอะไรดีขึ้นกว่าตัวเก่า OLYMPUS E-LP8 ?
พัฒนารุ่นใหม่ แน่นอนชิปมันจะต้องดีขึ้น การโฟกัส การประมวลผล คุณภาพภาพ ระบบการทำงาน เซ็นเซอร์เร็วขึ้นกว่าเดิม เอาง่ายๆตัวนี้ใช้ชิปตัวเดียวกับกล้องโปรเลย ตระกูล OM-D E-M1 Mark ll กล้อง Flag ship ของค่ายโอลิมปัสเลย
มาพูดถึงเรื่องฟังชั่นกันบ้าง
- เริ่มต้นด้วยโหมด AP หรือ Advance Photo Mode อันนี้แหละใหม่! และเด็ดเลย ผู้หญิงจะต้องชอบ เพราะว่าคุณจะสามารถถ่ายได้อย่างโปร โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการตั้งค่าใดๆทั้งสิ้น เพราะกล้องมันจะมีประมาณ 9 อย่างให้เล่นในโหมดนี้ ซึ่งมีคำอธิบายละเอียดมากในแต่ละโหมด มาดูกันเลย
1.1. Live Composite อธิบายง่ายๆคือเวลาเราไปถ่ายรูปถนนใช่ป่ะ แล้วอยากให้เห็นรถวิ่งเป็นเส้นๆ ปกติกล้องทั่วไปก็ต้องเข้าไปปรับสารพัด กล้องนี้โหมดนี้กดทีเดียว มองจอเลยมันจะขึ้นให้เห็นทันทีว่าภาพที่ได้จะเป็นแบบไหน ที่นี้เราก็รอให้รถวิ่งเป็นเส้นอย่างที่เราต้องการแล้วกดหยุดรับรองได้ภาพแบบโปรง่ายมากแต่!! สิ่งสำคัญคือมือต้องนิ่งมากๆ ขาตั้งกล้องยังต้องใช้! ไม่ใช่ได้แค่รถวิ่งเป็นเส้นนะ ดาวหมุนก็ได้ ถ่ายได้ง่ายๆ เพียงแค่กด 2 ครั้ง (กดถ่ายเพื่อบันทึกแสงและกดหยุด) ไปดูรูปที่ได้กัน
1.2. Live Time อันนี้คล้ายๆโหมดข้างบนแต่ว่าภาพที่ได้มันจะค่อยๆสว่างขึ้นทั้งภาพ Live Time มันก็จะแสดงภาพ Realtime เหมือนกันกดทีเดียวมองจอ พอใจเมื่อไหร่ค่อยกดหยุด
อธิบายให้เห็นภาพคือ ถ้ายืนบนตึกอยากถ่ายวิวแล้วให้ตึกคงเป็นสีเดิม ให้รถที่แล่นอยู่เป็นสีที่ชัดและสว่างขึ้นเท่านั้นให้ใช้ Live Composite แต่ถ้าอยากให้ตึกสว่างขึ้นด้วย รถที่แล่นก็สว่างขึ้นด้วย ให้ใช้ Live Time เพราะมันจะสว่างทั้งภาพ อันนี้รูปเปรียบเทียบ ซ้าย Live Composite ขวา Live Time
1.3. Multi Exposure อันนี้จะเหมือนพวกแอปบนมือถือ คือถ่ายภาพซ้อนภาพ ปกติในแอปคือเลือกสองรูปแล้วแอปจะซ้อนให้ แต่บนกล้องนี้คือกดแชะรูปที่หนึ่งภาพมันก็จะขึ้นอยู่ลางๆ แล้วก็ไปซ้อนภาพที่สองได้เลยมันก็จะเห็นเลยว่าเป็นแบบไหน ก็จะได้รูปที่ถูกใจมากขึ้น สร้างสรรค์จินตนาการได้เต็มที่ โดยการกดชัตเตอร์แค่ 2 ครั้งเท่านั้น
1.4. HDR – High Dynamic Range โหมดนี้ก็ทั่วๆไป มีไว้ถ่ายในสถานกาณ์ที่มีความแตกต่างของแสงเยอะ เช่นการถ่ายย้อนแสง ถ้าเราจะถ่ายให้มองเห็นในจุดสว่างคมชัด ภาพในส่วนที่มืดก็จะมืดสนิท แต่ถ้าเราต้องการถ่ายให้ส่วนที่มืดให้สว่างและคมชัด ภาพในส่วนที่สว่างก็จะเว่อร์เกินไปทำให้ไม่เห็นรายละเอียดอะไรเลย HDR มันก็จะมาช่วยได้ด้านนี้แหละคะ
1.5. Silent ตามชื่อเลยโหมดเงียบก็ตามสถานที่ที่ใช้เสียงไม่ได้มันก็ปิดให้อัตโนมัติ พวกแฟลชมันก็จะปิดไปให้ด้วยนะ
1.6. Panorama ใน E-PL8 ต้องไปต่อเองในคอมพิวเตอร์ ยุ่งยาก แต่ E-PL9 เป็น Sweep Panorama ต่อให้เสร็จในกล้องเลย
1.7. Key Stone Compensation อันนี้เหมาะสำหรับถ่ายตึก เวลาเราถ่ายเสยมากๆตึกมันเสียทรง ดูแปลกๆโหมดนี้มันมีไว้เลื่อนปรับ Perspective ของตึกได้ เรียกว่าจะเสยขนาดไหนก็สามารถให้โหมดนี้ปรับให้ดูสมจริงได้
1.8. AE Bracketing เป็นการถ่ายภาพสามภาพ สามความสว่าง กดทีเดียวมันก็รัวให้สามรูป ก็เลือกความสว่างที่เราชอบ
1.9. Focus Bracketing เป็นการถ่ายภาพหลายๆภาพแล้วกล้องมันก็จะปรับโฟกัสไปให้เรื่อยๆ เรียกได้ว่าครบหมด ตอนที่ซีลองกดครั้งเดียวได้ประมาณ 8 รูปจะ Shift Focus ไปเรื่อยๆ
- โหมด ART อันนี้มีมาแล้วตั้งแต่ EPL8 แต่ Filter ที่เพิ่มมาใน EPL9 ก็คือ Instant Film สังเกตได้ว่าคนสมัยนี้ชอบแต่งรูปให้คล้ายๆกับรูปที่ออกมาจากกล้องฟิล์ม แล้วคนก็หันมาเล่นกล้องฟิล์มกันเยอะขึ้นมาก EPL9 เลยเอาอกเอาใจสะหน่อย
- โหมด SCN – Scene โหมดถ่ายภาพอัตโนมัติ ช่วยให้ถ่ายรูปสนุกขึ้น คือมันจะมีสถานการณ์ต่างๆให้คุณเลือก คุณก็เลือกอันที่เหมาะสมกับคุณที่สุด คุณไม่ต้องปรับตั้งค่าอะไรเลย กล้องจะทำให้คุณเอง พอพูดถึงหน้าตาของโหมดนี้เรียกได้ว่าเป็นครั้งแรกของรุ่น PEN ที่มีปรับการแสดงค่าใหม่ เป็นแบบ GUI (Graphical User Interface) ทำให้ใช้งานได้ง่ายขึ้นมาก กดเลือกตามใจชอบ
แบ่งมาให้ทั้งหมด 6 สถานการณ์ที่คนส่วนมากจะใช้มากที่สุด คือกดเข้าไปดูเลยมันจะมีให้เลือกเลย อยากได้รูปแบบไหนกดโหมดนั้น กล้องมันจะปรับให้อัตโนมัติ ไม่ต้องทำอะไรก็จะได้ภาพแบบโปรเลย
3.1. โหมด People เป็นโหมดถ่ายภาพคน โดยกล้องจะปรับโทนสี และพารามิเตอร์ต่างๆ ให้เหมาะกับการถ่ายคน มันก็จะแบ่งออกมาอีกเป็น
portrait – อันนี้เป็นถ่ายโฟกัสที่คนเลย
e-portrait – อันนี้คล้ายๆอันบนแต่จะมีการตกแต่งผิวหน้าให้ แบบโหมดบิวตี้อะคะ หน้าก็จะเนียนๆหน่อย
portrait+landscape – อันนี้ถ่ายทั้งคนทั้งวิวข้างหลัง กล้องมันก็จะปรับให้ได้แบบพอดี
portrait+nightscape – อันนี้ถ่ายคนกลางคืนแล้วอยากให้ด้านหลังเป็นแบบโบเก้ไฟสวยๆ อันนี้เขาแนะนำให้ใช้แฟลช แล้วขาตั้งถึงจะได้ภาพที่ดีที่สุด
children – อันนี้ถ่ายเด็กคะ เพราะเด็กขยับบ่อย กล้องมันก็จะปรับให้เหมาะสมที่สุด
3.2. Night Scape ก็จะเน้นถ่ายกลางคืนเป็นหลักมีหลายโหมดให้เลือกก็เข้าไปเลือกได้เลยไม่ว่าจะถ่ายคนถ่ายไฟถ่ายดาวถ่ายพลุหรือจะถ่าย Light Trails แบบเอาไฟฉายวาดๆก็ได้เลือกตามรูปตัวอย่างที่เขามีให้แล้วรูปที่เราถ่ายก็จะได้ประมาณนั้นเลย
3.3. Motion เน้นถ่ายอะไรที่ขยับเร็วๆพวกกีฬา เด็ก หรือพวกกิจกรรมต่างๆ เช่น ขี่จักรยาน เราอยากให้แค่คนขี่ชัดแต่พื้นหลังเบลอก็ทำได้เลย
3.4. Scenery อันนี้เน้นธรรมชาติ เช่น พวกพระอาทิตย์ตกดิน ทะเล หิมะ landscape กว้างๆ พาโนรามา และพวก HDR กล้องมันก็จะฉลาดปรับอุณหภูมิแสงสีให้เหมาะสมที่สุด
3.5. Indoors พวกกิจกรรมภายในที่ร่มทั้งหมด เช่น การจุดเทียน โหมดเงียบ portrait มันก็จะปรับสีให้เหมาะสม
3.6. Close up เช่นพวกถ่ายอาหารแบบซูมใกล้ๆหน่อย ถ่ายดอกไม้ ถ่ายพวกเอกสารต่างๆ เหมาะกับวัยรุ่นสมัยนี้มากที่ชอบถ่ายรูปอาหาร ชอบนั่งชิลๆ ตามคาเฟ่สวยๆ
ในโหมด SCN- Scene เนี้ย เขาแค่รวบรวมโหมดต่างๆ สถานการณ์ต่างๆ ให้คุณหาง่ายๆ เวลาจะใช้จะได้เลือกได้เลย อยากได้รูปแบบไหนก็กด ไม่ต้องเข้าไปตั้งค่าอะไรมากมาย
4. ในเรื่องของ VDO กล้อง E-PL9 มีถ่ายแบบ 4K นะจ้ะ ไม่ธรรมดาเลย มีโหมดถ่าย Clips เหมือนเดิม ถามว่า Clips ต่างกับการถ่าย VDO ธรรมดายังไง คือ Clips มันจะให้เราถ่ายคลิปสั้นๆ ประมาณ 4 วินาที 8 วินาทีหรือ 16 วินาที แล้วสามารถตัดต่อในกล้องได้เลย คือเลือกคลิปที่ชอบ ใส่เพลง ใส่ transition ตัดต่อเสร็จในกล้องเลย แต่ถ้าถ่าย VDO ปกติจะทำไม่ได้นะคะ
ในส่วนของการถ่าย 4K มันจะมีโหมด In Movie Image Capture คือสมมุติถ่ายวีดีโอมาแล้วอยากได้ภาพนิ่งด้วย เราก็มา Playback แล้วค่อยๆเลื่อนหาช็อตภาพที่อยากได้ แล้วก็กด Capture ได้เลย ถามว่าต่างยังไงถ้ามาแคปในคอม คือถ้าเราใช้โหมดนี้เวลาแคปภาพมันจะได้ภาพที่คุณภาพสูงถึง 8 ล้านพิกเซล แต่ในคอมก็จะดรอปลงมา
VDO สามารถ Trimming ในกล้องได้เลย ตัดหัวท้ายที่เราไม่ต้องการได้เลย
5. เรื่องของการส่งภาพเข้ามือถือ E-PL9 เพิ่ม การส่งผ่าน Bluetooth คะ ซึ่ง EPL8 ไม่มี ถามว่า Wifi ดีกว่า Bluetooth นิ จะเอา Bluetooth มาเพิ่มทำไม ใช่คะ การส่งผ่านไวไฟมันจะเร็วกว่าจริง แต่การส่งผ่านบลูธูทเนี้ย มันช่วยเรื่องประหยัดแบต เชื่อมต่อง่ายขึ้น ว่าง่ายๆ ปิดกล้องไป ก็ยังเอารูปออกได้ ไม่ต้องมาเปิดกล้องให้เปลืองแบต เวลาเราจะใช้โหมดนี้เราก็แค่เข้าไปเชื่อมต่อโทรศัพท์กับกล้อง โดยเปิดแอป Olympus Image Share แล้วสแกน QR Code เพื่อตั้งค่าโปรไฟล์ ทำเฉพาะการเชื่อมต่อครั้งแรกเท่านั้น ครั้งต่อไปก็จะเชื่อมต่อกันได้เลยโดยอัตโนมัติ ก่อนเราจะปิดกล้องเราก็เลือกรูปที่เราต้องการ กดปุ่มถ่ายวีดีโอบนกล้อง มันจะมีสัญลักษณ์ Share อยู่ข้างๆ
ทีนี้ก็ปิดกล้องใส่กระเป๋าได้เลยคะ มันก็จะส่งเข้ามือถือเราอัตโนมัติโดยไม่ต้องเปิดแอป หรือจะเข้าไปในแอปแล้วเลือก Import Photo มันก็จะมีรูปที่เราเลือกไว้ขึ้นมาเราก็แค่กดตกลง แค่นี้แหละก็จะได้รูปง่ายๆ โดยไม่ต้องมาคอยเปิดกล้อง ถือกล้อง เพื่อส่งรูปให้ลำบากอีกต่อไป
สรุปแล้วซีชอบนะ เริ่มต้นด้วยดีไซน์ของมันก่อนเลย สวย หรู ว่าง่ายๆคือวัสดุดูพรีเมี่ยม พูดถึงการทำงาน มันฉลาดขึ้นกว่าตัวเดิมมาก เวลาจะใช้พวกโหมดต่างๆก็สะดวกขึ้น เพราะเขาเปลี่ยน GUI (Graphical User Interface) ใหม่ ทำให้หาโหมดง่ายขึ้น ถ่ายง่าย ไม่ต้องปรับอะไรมากมาย เหมาะกับผู้หญิงอย่างเราๆ พกไปไหนก็สะดวก เล็ก ไม่หนัก ไม่ใหญ่จนเกินไป
อีกอย่างที่ชอบมากๆเลย คือการที่เอารูปออกจากกล้องได้โดยไม่ต้องเปิดกล้อง การส่งรูปผ่าน Bluetooth นั้นเอง เรียกว่า ตอบโจทย์ผู้หญิงได้เยี่ยมจริงๆ แต่ถ้ามุมโปรดักชั่น ก็ต้องบอกเลย ดีมากที่ถ่าย 4K ได้ ภาพคมชัด มีกันสั่น 3 แกน เรียกได้ว่าไว้ใจได้เลย แต่ข้อเสียก็มีนะจ้ะ นิดนึงๆ มันไม่มีช่องเสียบไมค์ ก็เลยเก็บเสียงแบบดีดีไม่ได้ แต่ซีแนะนำว่ากล้องนี้เหมาะกับสาวๆที่พึ่งเริ่มอยากเล่นกล้อง แล้วแบบฝีมือยัง Beginner แต่อยากได้ภาพแบบโปรๆ ต้องจัดเลย
ราคาอยู่ที่ 24,990 บาท ถ้าพูดกันตรงๆราคาอาจจะสูงกว่าตัวอื่นในตลาด แต่ซีว่ามันคุ้มนะ เพราะวัสดุเขาพรีเมี่ยมจริงๆ ห่อหุ้มด้วยหนัง ดูแพง จับแล้วก็รู้เลยว่าเขาลงทุนกับวัสดุ กับดีไซน์จริงๆ สีที่เขาใช้ก็ดูหรู ตัดด้วยสีทอง ซีค่อนข้างมั่นใจเลยว่า พวกโหมดต่างๆของเขา กดเลือกใช้งานง่าย ไม่ยุ่งยาก ไม่ค่อยซับซ้อน คือมันจะมีรูปตัวอย่างให้ดู เราอยากได้รูปแบบไหนก็กดเลย กล้องตั้งค่าให้ทันที เราไม่ต้องปรับอะไร อีกอย่างกันสั่นนี้แหละ ดีเลย 3 แกน เรียกว่าผู้หญิงอย่างเราๆ ถือกล้องถ่ายนานๆ เมื่อย อาจจะมีมือสั่นบ้าง แต่ไม่กระทบต่อภาพแน่นอน เพราะกันสั่นเขาโอเคเลย