เรียกว่าเป็นประเด็นร้อนอย่างต่อเนื่องกับข้อมูลส่วนบุคคลบน Facebook ซึ่งล่าสุดมีอีกหนึ่งบริษัทนำข้อมูลใบหน้าของผู้ใช้เฟซบุ้กไปทำฐานข้อมูลสำหรับ Facial Recognition ด้วย

ล่าสุดมีการพบว่า Terrogence บริษัทกล้องวงจรปิดได้ใช้สื่อสังคมออนไลน์อย่าง Facebook และ YouTube นำข้อมูลผู้ใช้มาสร้างเป็นฐานข้อมูล facial-recognition ขนาดใหญ่ ซึ่งฐานข้อมูลนี้เป็นส่วนหนึ่งของ Face-Int บริการจดจำใบหน้าเพื่อป้องกันผู้ก่อการร้ายซึ่งตอนนี้มีภาพนิ่งและวิดีโอของผู้ต้องสงสัยรวมกันแล้วมากกว่า 35,000 ข้อมูล

Terrogence คือบริษัทแม่ของ Verint ที่ขายเทคโนโลยีกล้องวงจรปิดอัจฉริยะให้กับกองทัพของสหรัฐอเมริกา รวมถึง NASA และกองทัพเรือด้วยซึ่งหน่วยงานทั้งหมดนี้สามารถเข้าถึงข้อมูลผู้ก่อนการร้ายที่ทางบริษัทเก็บรวบรวมมาจากสื่อสังคมออนไลน์ รวมถึงฟอรั่มต่างๆทั่วโลก นอกจากนั้เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาทางบริษัทก็เพิ่งออกบริการใหม่ชื่อว่า FaceDetect ที่ไม่ใช่แค่ระบุตัวผู้ต้องสงสัยแต่ยังสามารถเพิ่มผู้ต้องสงสัยในกลุ่มเฝ้าระวังได้ด้วย

แต่สิ่งที่เป็นประเด็นก็คือ เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา อดีตพนักงานของ Terrogence ได้ออกมาบอกว่า ข้อมูลโปรไฟล์ของเธอบน LinkedIn ถูกนำเข้าไปพัวพันกับการสอบสวนในฐานะกลุ่มทางการเมือง นั่นหมายความว่าข้อมูลที่เก็บไปไม่ใช่แค่กลุ่มผู้ก่อการร้ายเท่านั้น แม้ว่าข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้เราปลอดภัยจากผู้ก่อการร้ายแต่เราจะมั่นใจได้อย่างไรว่าข้อมูลส่วนตัวของเรานั้นจะไม่ถูกนำไปใช้โดยที่ไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งในกรณีนี้มีผู้ใช้ได้ส่งเรื่องฟ้องศาลแล้ว ซึ่งทาง Facebook เองก็อาจจะเสียค่าปรับหลายพันล้านดอลล่าร์เลยทีเดียว

VIA Mashable