หนึ่งในเทรนด์ที่คนค้าขายออนไลน์ต้องรู้ นั่นคือกระแสการไลฟ์สดขายของที่มาแรงสุดๆ ไปลองดูว่าทำไมเทรนด์นี้ถึงมาและเอามาปรับใช้กับร้านของตัวเองยังไงได้บ้าง

จากข้อมูลของ ETDA หรือสพธอ.พบว่ามูลค่าของตลาดอีคอมเมิร์ซของไทยปี 2561 อยู่ที่ 3.15 ล้านล้านบาท ตัวเลขที่น่าสนใจก็คือกลุ่มของ SME ที่มีอัตราการเติบโตสูงถึง 33.73% นั่นแสดงให้เห็นว่าคนทั่วไปรวมถึงบริษัทเล็กๆหันมาค้าขายออนไลน์มากขึ้น นอกจากนั้นยังมีปัจจัยเสริมอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นอินเทอร์เน็ตที่เร็วขึ้น การจ่ายเงินที่ง่ายขึ้นด้วยแอปธนาคาร, ระบบ QR Code และเทคโนโลยี Cashless ต่างๆ

แน่นอนว่าสื่อโซเชียลเองก็ยังเป็นช่องทางยอดนิยมที่คนมาขายของและจับจ่ายเพื่อซื้อสินค้าต่างๆ โดยมี Facebook นำโด่งมาเป็นอันดับหนึ่ง ตามมาด้วย Google/YouTube และ LINE

ถ้าใครใช้โซเชียลบ่อยๆจะเห็นหนึ่งในเทรนด์ที่มาแรงสุดๆ ก็คือ ไลฟ์สดขายของหรือ Live Commerce นั่นเอง ตอนนี้เปิดไปตามหน้า Facebook จะเห็นว่าการไลฟ์ลดขายของมาแรงมาก แถมสินค้าบางอย่างก็เป็นชองในพื้นที่ที่ไม่คิดว่าจะขายได้ กลับขายดีเป็นเทน้ำเทท่า บางคนหรือเพจมีรายได้เป็นแสนบาทต่อเดือนก็มี ตัวอย่างที่เก็นชัดๆก็คือ อาซันขายอาหารทะเลที่ทำยอดขายได้ถึง 200 ล้านบาท แม้แต่เว็บใหญ่ๆอย่าง LAZADA และ SHOPEE ก็ยังลงมาเล่นด้วย ลองไปวิเคราะห์กันว่าอะไรคือเหตุผลที่ทำให้กระแส Live Commerce มาแรงสุดๆ

ความสนุกสนาน (Entertainment)

ปฏิเสธไม่ได้ว่าคนไทยชอบเสพความบันเทิง จะเห็นว่าการขายของผ่านไลฟ์ร้านที่ยอดขายพุ่งๆนั้นจะเห็นว่าคนขายค่อนข้างมีเอกลักษณ์ สมัยนี้ไลฟ์ขายของไม่จำเป็นต้องหน้าตาดี ไม่ต้องเป็นเน็ตไอดอลก็สร้างยอดขายได้ เพียงแค่พูดคุยสนุกสนาน เป็นกันเอง เหมือนเราคุยกับเพื่อนมากกว่าคุยกับพ่อค้าแม่ค้า คนไหนดูสนุกก็มีการบอกต่อปากต่อปากทำให้ยอดคนที่เข้ามาดูสูงขึ้น คนขายหลายคนต่างก็งัดสารพัดเทคนิคต่างๆมาเรียกความสนุก ดึงให้คนดูอยู่นานๆซึ่งมีโอกาสที่คนจะซื้อสินค้ามากขึ้น

มีการใช้ดาราหรือคนดังเป็นจุดดึงดูด

หลายๆร้านเริ่มใช้กลยุทธ์ดึงคนดังอย่างเน็ตไอดอลหรือดารามาช่วยไลฟ์ขายของ เรียกว่าเอาฐานแฟนคลับของคนกลุ่มนี้มาช่วยกระตุ้นยอดขายได้ค่อนข้างดีทีเดียว แถมคนที่เข้ามาดูยังมีส่วนร่วมมากขึ้น มีการปฏิสัมพันธ์โต้ตอบ มากกว่าการเข้ามาดูอย่างเดียว

สื่อสารสองทาง

การไลฟ์ขายของต่างจากอีคอมเมิร์ซอื่นคือเราสามารถสื่อสารแบบสองทางกับคนขาย อยากรู้หรือสงสัยอะไรก็ตามตอนนั้นกับคนขายได้เลย อยากรู้ว่าของหน้าตาเป็นยังไง มีตำหนิตรงไหนมั้ยก็สามารถให้เจ้าของร้านโชว์ผ่านกล้องได้เลย เรียกว่าเป็น Real-time content ก็ว่าได้

นอกจากนั้นทางเจ้าของร้านไม่จำเป็นต้องไลฟ์ขายของอย่างเดียว สามารถทำกิจกรรมอื่นๆร่วมสนุกกับคนดู เพื่อสร้างความผูกพันธ์และมีส่วนร่วมมากขึ้น ยิ่งร้านไหนสามารถสร้างฐานผู้ชมที่เป็นแฟนตัวยงและสร้างชุมชนให้คนที่เข้ามาดูมีส่วนร่วมได้มากเท่าไหร่ ก็ประสบความสำเร็จได้ไม่ยากค่ะ

การทำเนื้อหาแบบ Personalized 

อีกจุดเด่นของการไลฟ์ก็คือ สามารถรู้ได้ว่าคนไหนสนใจและมีแนวโน้นที่จะซื้อสินค้าผ่านคอมเมนท์ที่โต้ตอบไปมา ทำให้คนขายสามารถนำเสนอคอนเทนท์แบบรายบุคคลได้ เพราะเรารู้ว่าคนไหนสนใจซื้อ สามารถใช้ข้อมูลเพิ่มเพื่อการตัดสินใจ พูดโน้มน้าวใจ หรือให้โปรโมชั่นพิเศษเป็นรายบุคคลเพื่อทำให้เกิดยอดขายได้

Live Commerce ถือเป็นอีกเครื่องมือที่มาแรง ใครที่อยากเพิ่มยอดขายของตัวเองบนออนไลน์ให้มากขึ้น ก็ลองศึกษาเครื่องมือและวิธีทำต่างๆ รวมถึงเทคนิคการไลฟ์ เผื่อยอดขายจะได้ปังขึ้นกว่าเดิม ส่วนใครที่อยากเริ่มต้นทำ e-commerce แต่ยังไม่รู้จะเริ่มต้นตรงไหน แนะนำให้เข้าเว็บ https://www.etda.or.th ในนั้นจะมีข้อมูลข่าวสารที่คนค้าขายออนไลน์ต้องรู้ รวมเอาไว้ครบถ้วนเลยค่ะ

ส่วนใครที่ได้ไปงาน OIIO Thailand Techland แล้วเข้าไปที่บูธของ ETDA จะเห็นว่าในงานทาง ETDA มีการทำ Live Commerce ด้วย หลายคนคงได้รับความรู้และเคล็ดลับในการทำไลฟ์ของ จากตัวอย่างคนขายกุ้งแห้ง คนจากท้องที่ในท้องถิ่นต่างจังหวัดนี่แหละ แต่สามารถขายกุ้งแห้งได้ รายได้ประมาณ 10 กว่าล้านต่อเดือน เขาทำได้อย่างไร ETDA เรามีคำตอบค่ะ