Mi Note 10 ครั้งแรกกับสมาร์ทโฟนกล้องความละเอียด 108 ล้านพิกเซล พร้อมเลนส์ 5 ตัว
เสียวหมี่ บริษัทจีนมาแรงแซงโค้ง ถ้าพูดถึงแบรนด์นี้ ตอนนี้คงไม่มีใครไม่รู้จักเขาแล้วหล่ะ ซึ่งเดือนเมษายนปีนี้ เขาก็จะก่อตั้งบริษัทมาครบรอบ 10 ปีแล้ว โอ้โห..นานแล้วเหมือนกันนะเนี่ย
แต่บอกได้เลยว่าไม่ใช่แค่มือถือของเขาที่ได้รับการยอมรับ แต่…ยังมีบริการอินเทอร์เน็ต ที่สำคัญแก็ดเจ็ตต่างๆ ที่แฝงด้วยนวัตกรรม คุณภาพสูง ในราคาจับต้องได้ ให้คนได้สนใจเพียบเลย รวมไปถึงแพลตฟอร์ม IoT ที่ช่วยให้ชีวิตเราสะดวกสบายขึ้น ในปัจจุบันมีอุปกรณ์อัจฉริยะที่ถูกใช้งานอยู่ทั่วโลกมากกว่า 213.2 ล้านชิ้นกันไปแล้ว
แล้วร้านค้าเสียวหมี่ มีเยอะหรือยัง? ปัจจุบันผลิตภัณฑ์เสียวหมี่ วางจำหน่ายมากกว่า 90 ประเทศ
ในภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก ในส่วนของสมาร์ทโฟนเองก็ก้าวขึ้นไปเป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนอันดับที่ 4 ของโลก
ทำไมเสียวหมี่ถึงประสบความสำเร็จ?
หลักใหญ่ใจความสำคัญเลย คือเพราะเขาใส่ใจและให้ความสำคัญกับผู้ใช้งานเป็นอันดับแรกในการเริ่มต้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ “สำหรับหมี่แฟนและเพื่อหมี่แฟนเท่านั้น (Just for fans)” จากความมุ่งมั่นตรงนี้ทำให้เกิดนวัตกรรมต่างๆที่ตอบโจทย์การใช้งานต่างๆมากมาย แถมยังได้ประสบการณ์ที่ดีเยี่ยมด้วย ทุกวันนี้เลยมีคนหลงใหล อยากลอง อยากซื้อสินค้าของเขามากมาย ซึ่งความมุ่งมั่นที่ตรงนี้เองที่เป็นแรงขับเคลื่อนที่ดีทำให้ทุกๆ ผลิตภัณฑ์ของเสี่ยวหมี่นั้นมีความโดดเด่น และตอบโจทย์ผู้ใช้งาน
Mi Note 10 Series
อีกหนึ่งสมาร์ทโฟนที่เป็นที่น่าจับตามองในปีนี้ก็คือ Mi Note 10 Series ราคาไม่แพง สเปคแรงนั้นออกมาพร้อมกัน 2 รุ่นคือ Mi Note 10 และ Mi Note 10 Pro ซึ่ง 2 รุ่นนี้มีความแตกต่างกัน 2 จุด
คือเรื่องของ RAM และความจุ ซึ่ง Mi Note 10 จะให้ RAM มา 6 GB ความจุ 128 GB ส่วน Mi Note 10 Pro นั้นจะให้ RAM มา 8 GB ความจุ 256 GB
จุดที่สองคือเรื่องของจำนวนชิ้นเลนส์ โดย Mi Note 10 จะให้มา 7 ชิ้น ส่วน Mi Note 10 Pro จะให้เลนส์มา 8 ชิ้น ภายใต้การทดลองในห้องปฏิบัติการของเสียวหมี่ พบว่า การเพิ่มเลนส์ไปอีก 1 ชิ้น จาก 7 เลนส์ เป็น 8 เลนส์ ทำให้ภาพที่สวยอยู่แล้ว สวยคมชัดไร้ที่ติยิ่งขึ้นไปอีก
การถ่ายภาพ
อยากครองใจคนสมัยใหม่ ก็ต้องวัดกันด้วยกล้องแล้วแหละค่ะ ไปเที่ยวเดี๋ยวนี้เราก็อยากจะพกมือถือเครื่องเดียว Mi Note 10 Pro มาพร้อมกล้องหลังที่มีความละเอียดสูงถึง 108 ล้านพิกเซล ความละเอียดขนาดนี้ถ่ายปุ๊บ เอาไปทำป้ายบิลบอร์ดโฆษณาใหญ่ๆ ได้สบายๆเลยนะ
รุ่นนี้ใช้ระบบเซนเซอร์ Samsung ISOCELL Bright HMX ความคมชัด 108 ล้านพิกเซล ทำให้ Mi Note 10 มีความคมชัดที่สุดในบรรดามือถือด้วยกันและชัดมากถึง 12032 x 9024 พิกเซล กล้องหลังใหม่ล่าสุดของ
Mi Note 10 ทั้ง 2 ตัวนี้ ยังรองรับโหมดถ่ายภาพกลางคืนเวอร์ชั่น 2.0 ที่เก็บแสงได้มากขึ้นและยังรวมภาพจากหลายช็อตเข้าด้วยกันเพื่อให้ได้ภาพถ่ายกลางคืนที่ยอดเยี่ยม เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการถ่ายภาพในงานคอนเสิร์ตและช่างภาพที่ชอบถ่ายภาพในยามค่ำคืน เพราะรูปสามารถถ่ายออกมาให้เป็นไฟล์ RAW แบบหลายเฟรมที่ช่วยลด noise ในรูปภาพได้เป็นอย่างดี
ส่วนฮาร์ดแวร์ของกล้องนั้นจะใช้แบบเดียวกับ Xiaomi Mi CC9 Pro Premium Edition ที่ทำคะแนน DxOMARK ได้ถึง 121 คะแนน ครองอันดับ 1 ของปี 2019 ในเรื่องของกล้องสมาร์ทโฟนที่ครบเครื่องเรื่องการถ่ายภาพ รวมถึงคว้าที่หนึ่งในส่วนของกล้องที่มีระบบซูมยอดเยี่ยม
ตัวกล้องหลังประกอบด้วยเลนส์ทั้งหมด 5 ตัว นอกจากกล้อง 108 ล้านพิกเซลแล้วยังมีเลนส์ telephoto ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล และ 12 ล้านพิกเซล เลนส์ ultra-wide ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล และเลนส์ Macro 2 ล้านพิกเซล เมื่อกล้องทั้ง 5 ตัวทำงานร่วมกันก็จะสามารถซูมได้ตั้งแต่ระยะซูม 0.6 จนไปถึง 50 เท่า เรียกว่าครอบคลุมทุกระยะการถ่ายภาพจริงๆ
ทั้งหมดนี้เป็นสเปคกล้องเบื้องต้นเท่านั้น เราลองไปจับสมาร์ทโฟนไปลองของจริงถึงเดอะนาคา ภูเก็ตดีกว่าภาพที่ได้จะออกมาเด็ดแค่ไหน
ทดสอบกล้อง
เริ่มจากการทดสอบกล้องหลังถ่ายวิวซึ่งเลือกช่วงเวลาถ่ายราว 8.00-9.30 น. ซึ่งถือว่าแสงกำลังดี ไม่จ้าเกินไปทำให้ถ่ายรูปออกมาสวยแน่นอน ภาพที่ได้ไม่แข็งจนเกินไป การถ่ายภาพวิวถือว่าทำออกมาได้ดีทีเดียวให้สีสันที่ได้มีความคมชัด เก็บรายละเอียดได้ค่อนข้างครบทีเดียว เหมือนถ่ายจากกล้องใหญ่เลย
ยิ่งมีเลนส์ให้ใช้เยอะ ยิ่งถ่ายสนุกเลือกใช้ตามจินตนาการเราได้สบายๆ โดยเฉพาะเลนส์มุมกว้างทำให้การถ่ายรูปสนุกขึ้น ไม่ต้องเดินถอยหลังเยอะๆเพื่อจะได้เก็บภาพได้ครบ
ภาพที่ถ่ายภาพบริเวณสระน้ำที่มีด้านหลังเป็นฟ้าและท้องทะเล การใช้โหมด 108 ล้านพิกเซลจะช่วยเพิ่มความคมชัดในทุกรายละเอียดที่ต้องการ โดยมีเทคนิคอยู่ที่การให้นางแบบอยู่ในพื้นที่ 1 ใน 3 ของภาพ จะทำให้ได้อารมณ์ของภาพสมบูรณ์ขึ้น
ยิ่งใครชอบถ่ายพอร์ตเทรตแล้วอยากดูสูง ดูขายาวขึ้นก็ให้ใช้โหมด Ultra-wide ถ่ายแนวตั้ง เสยขึ้นนิดนึง
ทีนี้นางแบบก็จะดูสูงยาวขึ้นโดยไม่ต้องใช้แอปช่วยเลยค่ะ
แถมด้วยฟีเจอร์อัจฉริยะช่วยปรับแสงให้อัตโนมัติ เวลาที่แสงจ้าเกินไป ระบบก็จะลดแสงให้อัตโนมัติเพื่อให้เราได้ภาพที่แสงที่พอดีๆ เก็ยรายละเอียดได้แบบครบๆ หรือถ้าภาพมืดเกินไปก็จะเพิ่มความสว่างให้เองเพื่อให้ได้ภาพที่สมบูรณ์ที่สุด
แม้ว่าช่วงนี้แสงจะดีแต่ก็มีบางมุมที่อยากถ่ายแล้วก็ต้องถ่ายย้อนแสง หรือมีบางจุดในภาพเกิดเงาขึ้นมาแต่เทคโนโลยีของ Xiaomi นั้นทำให้เรายังเห็นรายละเอียดในส่วนที่มืดได้อย่างชัดเจน ยิ่งตอนถ่ายย้อนแสงนี่เห็นได้ชัดเลยค่ะ เก็บทุกเม็ด
ส่วนใครที่ชอบถ่ายภาพแนวซิลลูเอตหรือถ่ายภาพตอนพระอาทิตย์ตกถือว่าทำได้ค่อนข้างถูกใจทีเดียว
ถ่ายได้คมชัด แม้แสงน้อย ไม่มีภาพเบลอภาพสั่นให้เห็นเลยค่ะ
ตัวกล้องมาพร้อมตัวช่วยให้จัดองค์ประกอบภาพภาพง่ายขึ้นด้วยโหมด ตาราง 9 ช่อง เลือกวางจุดสนใจเอาไว้ตรงจุดตัดของเส้น ทำให้ภาพที่ได้น่าสนใจขึ้นสำหรับคนที่จัดองค์ประกอบภาพไม่เก่ง
นอกจากนั้นยังมีโหมดการปรับองศาเอียงให้ด้วย ซึ่งตารางการปรับองศาเอียงจะช่วยเตือนให้คุณถือกล้องไม่เอียงขณะถ่ายภาพ ทำให้ภาพที่ถ่ายออกมาสวยบาลานซ์
ด้วยความที่ Mi Note 10 Pro ให้เลนส์มาค่อนข้างครบทุกช่วงที่เราใช้ถ่ายเป็นประจำ ทำให้การถ่ายภาพยืดหยุ่นขึ้นเยอะเลยค่ะ เลือกเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์หรือความต้องการของเราว่าอยากจะให้รูปที่คิดไว้ออกมาเป็นแบบไหน
เรียกว่าพกเครื่องเดียวไปถ่ายได้ทุกที่ แถมรูปที่ได้เรียกว่าจบหลังกล้อง แสงออกมาพอดี ไม่ต้องไปแต่งเพิ่มก็สวยอยู่แล้ว ถือเป็นสมาร์ทโฟนที่ถ่ายภาพได้สนุกทีเดียว ทีเหลือขึ้นอยู่กับไอเดียคุณแล้วล่ะ
สำหรับคนที่สนใจสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ ตัวเครื่องจะมีให้เลือก 3 สี คือ Midnight Black, Glacier White และ Aurora Green ราคาเปิดตัว Mi Note 10 (6GB+128GB) ราคาอยู่ที่ 16,990 บาท ส่วน Mi Note 10 Pro (8GB+256GB) ราคา 19,990 บาท สำหรับคนที่สนใจตอนนี้ในงาน TME มีจัดโปรโมชั่น จะได้ของแถมสุดพิเศษเป็นเครื่องฟอกอากาศ Mi Air Purifier 2C มูลค่า 3,990 บาทไปพร้อมกันเลย