ธนาคารแห่งประเทศไทย ประสบความสำเร็จในการจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์วงเงิน 5 หมื่นล้านบาทผ่านเทคโนโลยีบล็อกเชน ถือเป็นธนาคารแรกของโลกที่นำเทคโนโลยีนี้มาใช้ช่วยลดขั้นตอนที่ซับซ้อนและค่าใช้จ่ายในการออกพันธบัตร
ไอบีเอ็มประกาศในงาน SIBOS ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย ประสบความสำเร็จในการจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์วงเงิน 5 หมื่นล้านบาทภายในสองสัปดาห์ ผ่านเทคโนโลยีบล็อกเชน แพลตฟอร์มที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนบนไอบีเอ็มคลาวด์ที่มีความปลอดภัยสูง ช่วยให้นักลงทุนได้รับประโยชน์จากการออกพันธบัตรที่เร็วขึ้น จากเดิม 15 วันเหลือเพียง 2 วัน โดยบล็อกเชนยังช่วยให้สามารถลดขั้นตอนที่ซับซ้อนและค่าใช้จ่ายในการออกพันธบัตรลง
ข้อมูลจากสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย ระบุว่ามูลค่าคงค้างตลาดตราสารหนี้ไทย ณ เดือนธันวาคม 2562 มีมูลค่าประมาณ 13.304 ล้านบาท โดยพันธบัตรรัฐบาลมีมูลค่าสูงสุดในตลาด ด้วยมูลค่า 4.947 ล้านบาท เท่ากับ 37% เมื่อเทียบกับมูลค่าคงค้างตลาดตราสารหนี้ไทย
เทคโนโลยีบล็อกเชนช่วยให้กระบวนการออกพันธบัตร ที่เกี่ยวข้องกับผู้ออกพันธบัตร ผู้จัดจำหน่าย นายทะเบียน และนักลงทุน รวมถึงผู้มีส่วนร่วมในอีโคซิสเต็ม มีความคล่องตัวยิ่งขึ้น ช่วยให้แพลตฟอร์มพันธบัตรรัฐบาลเป็นแหล่งข้อมูลหนึ่งเดียวที่ให้ข้อมูลเรียลไทม์ที่ไม่สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้แก่ทุกฝ่ายที่อยู่ในเครือข่าย อีกทั้งยังช่วยลดกระบวนการการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลที่มีความซ้ำซ้อน และลดต้นทุนค่าใช้จ่ายในการกระทบยอดบัญชี นอกจากนี้ นักลงทุนยังสามารถซื้อพันธบัตรเต็มสิทธิ์ได้ที่ธนาคารเดียว
การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำหรับพันธบัตรรัฐบาลที่มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในครั้งนี้ เกิดจากความร่วมมือของหน่วยงานแปดแห่ง ประกอบด้วยธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ บริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย และธนาคารตัวแทนจำหน่าย ประกอบด้วยธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย และธนาคารไทยพาณิชย์ โดยมีเทคโนโลยีบล็อกเชนและแพลตฟอร์มคลาวด์ของไอบีเอ็มรองรับ การนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้ในการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลสร้างประโยชน์และคุณค่าในเชิงธุรกิจแก่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งผู้ลงทุนได้รับพันธบัตรรวดเร็วขึ้น ลดประมาณงานและระยะเวลาในการดำเนินการของผู้ออกพันธบัตร ผู้จัดจำหน่าย นายทะเบียน อีกทั้งยังเพิ่มความโปร่งใสและลดต้นทุนการดำเนินการตลอดกระบวนการ