ไลน์ คอร์ปอเรชั่น ฉลองครบรอบ 10 ปี ด้วยการเปิดตัวคอนเทนต์พิเศษในรูปแบบวิดีโอและภาพกราฟฟิก ภายใต้แนวคิด “To The Next” โดยคอนเทนต์ดังกล่าวบอกเล่าถึงเรื่องราวการเดินทางและความสำเร็จของ LINE ตลอด 1 ทศวรรษที่ผ่านมา และแทนคำขอบคุณผู้ใช้งาน LINE ทั่วโลก

 

ย้อนกลับไปในปี พ.ศ. 2554 เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิครั้งใหญ่ที่ประเทศญี่ปุ่นผู้คนจำนวนมากไม่สามารถติดต่อกับคนรักและสมาชิกในครอบครัวได้ท่ามกลางโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นครั้งนั้น จากเหตุการณ์ดังกล่าว เป็นจุดเริ่มต้นของ LINE ที่ได้ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อเป็นเครื่องมือให้ผู้คนสามารถติดต่อสื่อสารกันได้แม้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยภายในระยะเวลาเพียง 6 เดือน LINE ได้เติบโตอย่างรวดเร็ว ด้วยยอดดาวน์โหลดถึงกว่า 10 ล้านดาวน์โหลด และนั่นถือเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนามาเป็นแพลตฟอร์มที่ให้สามารถใช้ชีวิตได้บนสมาร์ทโฟน

ในปี พ.ศ. 2557 LINE ได้เปิดตัว LINE Pay และเริ่มการร่วมมือเชิงกลยุทธ์ในธุรกิจบันเทิงภายใต้แนวคิด “Life” โดยมีเป้าหมายที่จะทำให้ LINE กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผู้คนมากยิ่งขึ้น โดยในปีนั้น LINE ประสบความสำเร็จและได้รับความนิยมอย่างก้าวกระโดดด้วยสถิติยอดผู้ใช้งาน (MAU) สูงกว่า 170 ล้านคน

ด้วยระยะเวลาเพียง 5 ปี นับตั้งแต่เริ่มให้บริการ LINE ได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ใน มหานครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา และในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น พร้อมเผยพันธกิจที่จะ  “Closing the Distance” หรือ การเชื่อมต่อผู้ใช้ ข้อมูล และบริการให้ใกล้กันมากขึ้น

LINE ยังคงเดินหน้าขยายการเติบโตไปทั่วโลก สำหรับในประเทศไทย LINE  ได้สร้างจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญด้วยการประกาศเปิดตัว LINE MAN ในฐานะแอปพลิเคชันผู้ช่วยชั้นเลิศที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ ในชีวิตประจำวันและได้พัฒนาต่อยอดสู่การเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์ม Food Delivery เจ้าใหญ่ของประเทศ นอกจากนี้ LINE ยังได้พัฒนา LINE TODAY ขึ้น ในฐานะแพลตฟอร์มรวบรวมข้อมูลข่าวสารจาก Publisher หลากหลายกลุ่มมารวมไว้บนแพลตฟอร์มเดียวกัน โดยได้เปิดตัวครั้งแรกที่ประเทศไต้หวัน ก่อนที่จะทยอยเปิดตัวในประเทศไทย อินโดนีเซีย และในอีกหลายๆ ประเทศ

LINE ก้าวเข้าสู่เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์และเทคโนโลยีทางการเงินในปี พ.ศ. 2560 โดยได้เปิดตัว  Clova ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มปัญญาประดิษฐ์บน Cloud อีกทั้งยังได้ประกาศพันธกิจ “Everything Connected” “Everything Videolized”และ “Everything AI” พร้อมกันนี้ LINE ได้ขยายธุรกิจทางการเงินไปสู่การชำระเงิน โดยไร้เงินสด การลงทุน บริการประกันภัย การสร้างระบบเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องกับ Token โดยสร้างสกุลเงินขึ้นมาภายใน LINE สำหรับให้ผู้ใช้งานนำไปใช้กับบริการต่าง ๆ รวมถึงยังได้ก่อตั้งธุรกิจธนาคารอีกด้วย

ในปี พ.ศ. 2562 LINE ประกาศวิสัยทัศน์ใหม่ “Life on LINE” โดยมุ่งหวังที่จะพัฒนา LINE  ให้เป็น “Life Infrastructure” หรือ การเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในพื้นฐานการดำเนินชีวิตของผู้ใช้งาน เพื่อที่จะทำให้ทุกช่วงเวลาในแต่ละวันของผู้ใช้งานให้มีประสิทธิภาพ ง่าย และ สะดวกยิ่งขึ้นตลอด 24 ชั่วโมง ในเดือนพฤศจิกายนปีเดียวกัน LINE ได้ประกาศควบรวมกิจการกับกลุ่มบริษัท Z Holdings Corporation เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันกับธุรกิจเทคโนโลยียักษ์ใหญ่รายอื่นๆ ของโลก ในปีต่อมา สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบและสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างหลักเลี่ยงไม่ได้ในทุกมุมโลก LINE จึงเปิดตัว  LINE Doctor และพัฒนาบริการอื่นๆ อีกมากมาย ให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงและให้เกิดประสิทธิภาพในการให้บริการได้อย่างไร้รอยต่อ

LINE พลิกโฉมการสื่อสารและทำให้การเงิน การดูแลสุขภาพ และอีกหลายๆ แง่มุมของสังคม สะดวกสบายยิ่งขึ้น ซึ่งLINE จะเดินหน้าเต็มกำลังในการช่วยเหลือสังคม และจะผนวกโลกออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกัน ความท้าทายของ LINE ในการเป็น LIFE PLATFORM สำหรับผู้ใช้งานทุกคนได้เริ่มขึ้นแล้วบัดนี้