ทุกวันนี้เวลาใช้งานเครื่องดูดฝุ่นปัญหาที่มักเจอ คือเราสามารถทำความสะอาดได้ทิศทางเดียว จะดูดทางซ้ายหรือขวาก็ต้องหมุนตัวตาม เวลาจะดูดฝุ่นในซอกก็มักจะทำได้ลำบาก ทางทีม DailyGizmo มีเครื่องดูดฝุ่น Dyson Omni-glide มาแนะนำ ที่ต้องบอกเลยว่าใช้งานง่าย หมุนได้รอบทิศทาง แถมตัวเราเองไม่ต้องหมุนตัวตาม ซึ่งทางทีมงานได้ลองใช้มาก็เลยอยากแบ่งปันประสปการณ์ใช้งานให้ทุกคน

ดีไซน์ของตัวเครื่อง – การจับถือ – การใช้งาน

ตัวเครื่องครั้งแรกที่เห็นบอกได้เลยว่าดูดี ไร้สาย กระทัดรัด ตัวเครื่องไม่ได้ใหญ่เทอะทะ แต่ตัวด้ามจับจะมีความหนานิดนึงเพราะภายในด้ามจับจะมีแบตเตอรี่อยู่ข้างใน คนที่มือเล็กอาจจะกำยากนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการใช้งาน ส่วนน้ำหนักเครื่องค่อนข้างเบา ถือใช้งานไปไม่เมื่อยแขน

ในด้านการใช้งานไม่ยุ่งยาก ตัวเครื่องมีแค่ 2 ปุ่มเท่านั้น คือ ปุ่มพาวเวอร์ (โหมด eco ) 11AW และปุ่ม Max (โหมด Boost) 50AW ใช้ในการเพิ่มแรงดูด

หัวดูดหลากหลาย ใช้งานครอบคลุม

จุดเด่นของ Dyson Omni-glide ตัวนี้คือ หัวดูด Omnidirectional Fluffy  ที่ออกแบบมาให้สามารถหมุนได้รอบทิศทาง ทำให้เวลาใช้งานไม่ว่าจะเดินหน้า ถอยหลัง หรือเคลื่อนที่ไปตามด้านข้าง

สิ่งที่ทำให้ Omnidirectional Fluffy หมุนได้รอบทิศทางเป็นเพราะด้านล่างของตัวดูมีล้อเล็ก 4 ตัว ที่หมุนได้แบบ 360 องศา เวลาดูดเศษผงขนาดใหญ่และเล็กได้อย่างง่ายดาย และยังหลบเลี่ยงสิ่งกีดขวางและทำความสะอาดในพื้นที่แคบได้ ทั้งใต้เก้าอี้ ใต้โซฟา ใต้โต๊ะ ใต้ตู้ ก็ทำได้หมด

นอกจากหัวดูดแบบทาง Dyson ยังมีหัวดูดให้เพิ่มมาอีก 3 แบบ

  1. หัวแบบ mini motorised เป็นที่ใช้ในการดูดเส้นผม สิ่งสกปรกที่ติดอยู่ตามเบาะ ในที่นอน พรม เน้นใช้งานในงานที่มีคราบฝังลึก
  2. หัวแบบ worktop เอาไว้สำหรับดูดฝุ่นบริเวณผิวของเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ
  3. หัวแบบ combination หัวนี้ไว้สำหรับดูดสิ่งสกปรกในซอกเล็ก ๆ หรือไว้ใช้ทำความสะอาดในรถยนต์

แรงดูดี ตัวกรองฝุ่นแบบประสิทธิภาพ

เครื่องกระทัดรัด หัวดูดดี แรงดูก็ยังดี ด้วยตัวมอเตอร์ Dyson Hyperdymium  ไม่ทำให้ตัวเครื่องสูญเสียพลังดูด และหมุนได้สูงถึง 105,000 รอบต่อนาที

เมื่อดูดฝุ่นเข้าไปแล้ว ไม่ต้องกลัวว่าจะมีฝุ่นเล็ดลอดออกมา เพราะระบบการกรอง 5 ขั้นตอน ด้วยไส้กรองแบบ HEPA สามารถดักจับอนุภาคขนาดเล็กถึง 0.3 ไมครอนได้ 99.99% มั่นใจได้ว่าลมที่ออกมาจากเครื่องเป็นอากาศบริสุทธิ์

ถอดง่าย ล้างง่าย ประกอบง่าย

ฝุ่นเต็มก็ไม่ต้องห่วง ถอดง่าย เพียงแค่กดปุ่มสีแดงที่กระบอกเก็บฝุ่นแล้วดันขึ้น ตัวฝาเก็บสิ่งสกปรกก็จะเปิดอัตโนมัติ จากนั้ยเราก็เทลงถังขยะได้เลย ไม่ต้องห่วงว่ามือจะเปื้อนตอนเปิดออก

ในการทำความสะอาดเวลาใช้ไปสักพัก ต้องบอกว่าทำได้ง่าย สามารถล้างถัง ตัวกรอง แถบแปรง และเครื่องมือต่าง ๆ ที่ไม่ใช่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ได้ทั้หมด มั่นใจได้ว่าอุปกรณ์สะอาดก่อนใช้งานแน่นอน

หากล้างแล้วก็ไม่ต้องห่วงเรื่องการประกอบ เพราะตัวเครื่องประกอบง่าย ในกล่องก็มีคู่มือการประกอบมาให้ แต่จากการใช้งานเรียกได้ว่าไม่ต้องอ่านคู่มือก็ประกอบได้ เพราะวัสดุต่าง ๆ ถูกออกออกแบบมาให้ลงล็อกกับชิ้นส่วนแต่ละชิ้น

แบตเตอรี่ – การชาร์จ

สำหรับแบตเตอรี่สามารถใช้งานได้สูงสุดถึง 20 นาที แม้ว่าจะไม่นานมาก แต่ก็ว่าอาจจะเพียงพอสำหรับการทำความสะอาดในห้องต่าง ๆ ในคอนโด หรือบ้านที่ไม่ได้ใหญ่มากนัก

ส่วนการชาร์จก็ทำได้สะดวก เพราะให้ตรวจชาร์จแบบติดฝาผนัง ทำให้ประหยัดพื้นที่ ชาร์จได้แม้ว่าจะตั้งอยู่ จะวางในซอกแคบ ๆ ก็ชาร์จได้อีกด้วย โดยการชาร์จ 1 ครั้ง ใช้เวลา 3.5 ชั่วโมง

ราคาและการจำหน่าย

โดยเครื่องดูดฝุ่นไร้สาย Dyson Omni-glide ราคาอยู่ที่ 15,900 บาท วางจำหน่ายตั้งแต่ 1 กรกฎาคม 2564  ที่ผ่านมาใน Dyson.co.th และร้าน Dyson Demo ที่เซ็นทรัลเวิลด์ เซ็นทรัลลาดพร้าว สยามพารากอน และไอคอนสยาม หรือจะเป็นตัวแทนจำหน่ายก็มีนะ

ข้อมูลอื่น

  • ความจุฝุ่น: 0.2 ลิตร
  • ที่เก็บฝุ่น: กล่องพลาสติก
  • ขนาด: 208 x 1077 x 92 มม.
  • รับประกันมอเตอร์: 30 เดือน (ที่ Dyson.co.th)
  • น้ำหนัก: 1.9 กิโลกรัม

สรุปการใช้งานจากทีม DailyGizmo

หากจะถามว่า Dyson Omni-glide เหมาะกับใคร คงต้องเหมาะกับคนที่ใช้ชีวิตในเมือง ที่อยู่คอนโด อพาร์ตเมนต์ หรือคนที่มีบ้านที่ไม่ได้ใหญ่มาก เพราะตัวเครื่องเหมาะต่อการทำความสะอาดในพื้นที่ที่จำกัด มีพื้นที่ไม่เยอะ หรือตามซอกต่าง ๆ

ส่วนคนที่ต้องการใช้ทำความสะอาดในพื้นที่ขนาดใหญ่ จะใช้งานได้ไหม อันนี้ก็ต้องแยกเป็น 2 กรณี

  1. พื้นที่ใหญ่ ใช้งานไม่จริงจังมาก ในกรณีนี้ถือว่าเหมาะ เพราะแบตเตอรี่น่าจะเพียงพอสำหรับเวลา 20 นาทีในการทำความสะอาด
  2. พื้นที่ใหญ่ ใช้งานจริงจัง ในกรณีนี้อาจจะไม่เหมาะ เพราะตัวเครื่องเองใช้งานได้สูงสุดเพียง 20 นาที (ในโหมด eco) การใช้งานในพื้นที่ขนาดใหญ่แบบจริงจังแบตเตอรี่อาจจะหมดก่อน และการชาร์จให้เต็มหนึ่งครั้ง ก็ใช้เวลาถึง 3.5 ชั่วโมง หากใช้งานจริงจังแนะนำให้ใช้ Dyson Digital Slim เพราะตัวนั้นใช้งานได้นานสูงสุด 40 นาที

ก็ต้องบอกว่าขึ้นอยู่กับการใช้งานของคุณ แต่โดยรวมแล้ว Dyson Omni-glide ตัวเครื่องใช้งานได้ดี กระทัดรัด ใช้งานง่าย และยังสะดวกอีกด้วย ในส่วนราคาก็ทำออกมาได้ดีกว่าตัวอื่น ๆ ถือเป็นรุ่นที่น่าจับตามองเป็นอย่างมาก