รัฐสภาคองเกรสของสหรัฐอเมริกากำหนดให้รถยนต์ทุกคันในอนาคตต้องมีเทคโนโลยีสำหรับการป้องกันการเมาแล้วขับ ผ่านการร่างกฎหมาย “Infrastructure Investment and Jobs Act” โดยมีเป้าหมายว่าจะทำให้สำเร็จภายในปี 2027 นี้ ไม่มีใครรู้ว่าสหรัฐฯจะสามารถบบรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้หรือไม่ แต่ถ้าพูดถึงเทคโนโลยีที่เข้าใกล้เป้าหมายดังกล่าวมากที่สุดก็คงหนีไม่พ้นโปรแกรม “Driver Alcohol Detection System for Safety (DADSS)”

DADSS เริ่มต้นขึ้นในปี 2008 โดยมีเป้าหมายในการสร้างเทคโนโลยีเพื่อป้องกันอุบัติเหตุจากการเมาแล้วขับ โปรแกรมดังกล่าวสามารถตรวจสอบความเข้มข้นแอลกอฮอล์ในเลือด (BAC) ของคนขับว่ามีปริมาณสูงกว่าที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ หากตรวจพบแอลกอฮอล์เกินขีดจำกัดคนขับจะไม่สามารถสตาร์ทรถได้ ในปัจจุบัน DADSS กำลังพัฒนาเทคโนโลยีในการตรวจจับแอลกอฮอล์ใน 2 รูปแบบ

1.ระบบเซ็นเซอร์แบบสัมผัสตามจุดต่าง ๆ ในรถ เช่น ปุ่มสตาร์ทและพวงมาลัย โดยเมื่อคนขับสัมผัสมันบนบริเวณดังกล่าวระบบจะยิงแสงอินฟราเรดผ่านเข้าไปใต้ผิวหนังเพื่อวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในกระแสเลือด

 

2. ระบบเซ็นเซอร์ตรวจจับลมหายใจ โดยระบบจะตรวจวัดระดับปริมาณแอลกอฮอล์ของคนขับผ่านทางลมหายใจ เพื่อความแม่นยำในการตรวจวัดเซ็นเซอร์นี้จะถูกพัฒนาจนสามารถแยกลมหายใจของคนขับออกจากผู้โดยสารได้

โปรแกรม DADSS จะถูกติดตั้งในรถยนต์ และมีแผนจะทดสอบในช่วงปลายปีนี้ และมีแผนใช้งานทั่วไปภายในปี 2024 นี้