จบกันไปแล้วกับงาน Galaxy Unpacked 2021 สมกับการรอคอยของใครหลายคน รอบนี้มีอุปกรณ์เปิดตัวมาหลายชิ้น รอบนี้มีมือถือจอพับมาถึง 2 รุ่นด้วยกัน นั่นก็คือ Galaxy Z Fold3 และ Flip3 5G รวมไปถึงเปิดตัว Galaxy Watch 4 Series และ Galaxy Buds 2 ซึ่งทางทีมงาน DailyGizmo ได้สรุปข้อมูลแต่ละตัวมาให้คุณแล้ว
หากพูดถึงสมาร์ตโฟนจอพับของซัมซุงในรุ่นก่อนก็ถือว่าทำได้ดี แต่จะมีสิ่งที่คนขอเข้ามา 3 ข้อใหญ่ ๆ คือ 1. กันน้ำ 2. รองรับ S-Pen 3. ตัวเครื่องกว่าทนทานกว่าเดิม
Galaxy Z Fold3 5G
ในเรื่องของการดีไซน์ ทำได้ดีขึ้น หน้าจอด้านขนาดยังคงเท่าเดิม อยู่ที่ 6.2 นิ้ว AMOLED 2X ค่ารีเฟรชเรต 120Hz แต่ความกว้างกับความยาวลดลงเล็กน้อย ความหนาขณะพับก็ลดลงด้วย จาก 16.8 mm เป็น 16.0 mm
หน้าจอ ขณะกาง ก็ยังคงอยู่ที่ 7.6 นิ้ว แต่ความพิเศษคือใช้จอที่เป็น AMOLED 2X ค่ารีเฟรชเรต 120Hz หน้าจอก็เป็น Eco Display หน้าจอสว่างขึ้น 29% และใช้งานได้ยาวนานกว่าเดิม และไม่มีกล้องเจาะรูให้เกะกะอีกต่อไป เพราะตัวนี้มาพร้อมกับกล้องเป็นซ่อนใต้จอ (Under Display Camera) เป็นการใช้กล้องใต้จอครั้งแรกของ Samsung Galaxy ความละเอียด 4MP
ตัวเครื่องและความหนาเล็กลงนิดหน่อย น้ำหนักเบากว่าเดิมด้วย จากเดิมที่หนัก 282กรัม ลดลงเหลือ 271 กรัม
สำหรับ S Pen ที่ใช้ใน Galaxy Z Fold 3 จะมีให้เลือก 2 ตัว คือ S Pen และ S Pen Pro ที่ออกแบบมาสำหรับใช้ในมือถือจอพับโดยเฉพาะ เพื่อป้องกันการเสียหายของหน้าจอ โดยตัว S Pen จะมีขนาดที่เล็กกว่า S Pen Pro พอสมควร ไม่ต้องต่อบลูทูธก็ใช้งานได้ แต่จะไม่ามารถใช้งานคำสั่งด้วยท่าทางได้ ถ้าจะใช้ต้องเป็นรุ่นโปร ซึ่งตัวเครื่องไม่มีที่เก็บ S Pen มาให้
การใช้หน้าจอขณะกางทำได้ดีขึ้น ใช้งานได้ 3 รูปแบบ
- ใช้แบบเต็มจอ มีการปรับให้ UX ใหญ่และเหมาะสมกับหน้าจอมากขึ้น และยังสไลด์ที่ขอบจอให้มี Taskbar ขึ้นมาได้ด้วย ให้ความรู้สึกคล้าย PC มากขึ้น
- การทำงานหลายแอป แบ่งจอซ้ายขวา
- การทำงานหลายแอปแบ่งหน้าจอ บางแอปก็ไม่รองรับ ผู้ใช้ก็อยากให้ทำงานได้ทุกแอป ในเมื่อรอนักพัฒนาทำไม่ได้ ซัมซุงเลยออกฟีเจอร์ Labs ในตั้งค่า เปิด Multi windows for all apps เพียงเท่านี้ก็ใช้งาน Multi apps ได้ทุกแอป
ในเรื่องของกล้อง กล้องกล้องหน้า(หน้าจอตอนพับ) 10MP F2.2 ส่วนกล้องหลังจะให้มาทั้งหมด 3 ตัว Ultra-Wide 12MP + Wide 12MP + Tele 12MP จะใช้กล้องหลังเซลฟี่ก็ยังทำได้ ฟีเจอร์โดยรวมกล้องเหมือนกับในตัว Galaxy Z Fold 2
ในเรื่องประสิทธิภาพ ใช้ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 888 5G รองรับ 5G รองรับ Dolby ATMOS ลำโพงเป็นแบบ Stereo แรม 12GB ความจุมีให้เลือก 2 ขนาด 256GB และ 512Gb แบตเตอรี่ 4400mAh ชาร์จไว 25W ที่สำคัญกันน้ำแล้วที่ IPX8
Galaxy Z Fold3 วางจำหน่ายในราคา 57,900 บาท (256GB) และ 61,900 บาท (512GB) มาในตัวเลือกทั้งหมด 3 สีสุดคลาสสิก ได้แก่ สีดำ Phantom Black, สีเขียว Phantom Green และ สีเงิน Phantom Silver
Galaxy Z Flip3 5G
ยังคงสไตล์คล้ายตัวเดิม เน้นสวยงาม กะทัดรัด ดีไซน์ดูสนุกและแฟชั่น ขนาดเล็กพกพาง่ายสะดวก สามารถใช้ร่วมกับพวกอุปกรณ์เสริม ทำให้ง่ายต่อการจับถือ เซลฟี่ได้ง่ายขึ้น ขนาดตัวเครื่องใกล้เคียงกับตัวเดิม เล็กลงไม่มาก
รอบนี้มีการเพิ่มขนาด Cover Screen จาก 1.1 นิ้ว เป็น 1.9 นิ้ว ซึ่งจะอยู่บริเวณข้างกล้องหลัง ไว้ใช้สั่งงานขณะพับจอ จะได้ไม่ต้องกางหน้าจอ เช่น ดูการแจ้งเตือน, เปลี่ยนเพลง, ตั้งนาฬิกาปลุก, ดูสภาพอากาศ เป็นต้น ใช้ดูตัวเองขณะถ่ายรูปได้ด้วย
ส่วนหน้าจอขณะกางอยู่ที่ 6.7 นิ้ว AMOLED 2X ค่ารีเฟรชเรต 120Hz ความละเอียด FHD+
ในเรื่องของกล้อง กล้องหลังให้มาทั้งหมด 2 ตัว เป็น Wide 12MP + Ultra Wide 12MP กล้องหน้าเป็นแบบเจารูความละเอียด 10MP
ส่วนเรื่องประสิทธิภาพ ยังใช้ชิปรุ่นท็อปอย่าง Qualcomm Snapdragon 888 5G ลำโพงเป็น Stereo รองรับ Dolby ATMOS แบตเตอรี่ 3,300mAh ชาร์จไว 15W แรม 8GB ความจุ 128/256GB
Galaxy Z Flip3 วางจำหน่ายในราคา 34,900 บาท (128GB) และ 36,900 บาท (256GB) มาในตัวเลือก 4 สีสุดโมเดิร์น ได้แก่ สีครีม, สีเขียว, สีม่วงลาเวนเดอร์ และ สีดำ Phantom Black โดยใน samsung.com จะมีสีพิเศษ White, Pink, Gray
Galaxy Watch4 Series
ในซีรี่ส์นี้ จะมีทั้งหมด 2 รุ่น คือ Galaxy Watch4 และ Galaxy Watch4 Classic ทั้ง 2 รุ่นจะมีฟีเจอร์ที่เหมือนกัน จะต่างกันที่ดีไซน์
เรียกได้ว่าเป็นสมาร์ตวอชที่เหมาะสำหรับคนรักสุขภาพ สามารถวัอัตราการเต้นของหัวใจ, ค่าออกซิเจนในเลือด, ค่าความดันเลือด และ ECG รอบนี้ซัมซุงรวมเซอร์การวัดไว้ในตัวเดียว เป็น 3 in 1 Sensor คือ Samsung BioActive Sensor (PPG+ECG+BIA)
เข้าใจสายสุขภาพมากยิ่งขึ้น เพราะ Galaxy Watch4 สามารถวัดแล้วจำแนกค่าต่าง ๆ ของร่างกายได้ เช่น ไขมันในร่างกาย(Body fat), มวลกล้าม(Muscle Mass), มวลไขมัน(Body fat), ดัชนีมวลกาย(BMI), น้ำในร่างกาย(Body Water) ,อัตราการเผาผลาญ(BMR)
รอบนี้ระบบปฏิบัติการเป็น One UI Watch + WearOS ก็จะทำให้มีแอปพลิเคชันรองรับการทำงานมากขึ้นและยังทำงานร่วมกับมือถือซัมซุงมากยิ่งขึ้นด้วย เวลาที่ดาวน์โหลดแอปอะไรในมือถือ ก็จะขึ้นในสมาร์ตวอชอัตโนมัติ ในการทำงานสามารถสั่ง bixby voice ได้, หมุนวงขอบนาฬิกาเพื่อเลื่อนแทนการสัมผัส, และยังมี Gestue Controls พิเศษ การทำงานก็เป็นหนึ่งเดียวกัน ทำงานได้อย่างไร้รอยต่อควบคู่กับ Galaxy Mobile, Galaxy Tab, Galaxy Buds ตั้งค่าหูฟังเปิด ANC ผ่าน Galaxy Watch4 ได้ด้วย
มีโหมดออกำลังกายให้เลือกเยอะมากมาย แถมยังมีโหมดออกกำลังกายแบบกลุ่มเพื่อเพิ่มความสนุกอีกด้วย สามารถออกกำลังกายร่วมกับ Samsung Smart TV ได้ด้วย มีทั้งยังมีการวัดการนอนหลับ และให้คะแนนการนอนอีกด้วย มีแอปพลิเคชันให้ใช้มากมาย เช่น samsung pay, Google Map, Spotify
Galaxy Watch4 Series ใช้ชิปตัวใหม่ เป็นชิป 5nm ตัวแรกใน Galaxy Watch การทำงาน cpu เร็วขึ้น 20% แรมเพิ่มขึ้น 50% (ให้มา 5GB) การทำงาน GPU ดีขึ้น ทางด้านหน้าจอก็มีความละเอียดสูง ส่วนความจำให้มาถึง 16GB แบตเตอรี่ใช้งานได้สูงสุด 40 ชั่วโมง มี Quick Charging ชาร์จ 30 นาที ใช้งานได้สูงถึง 10 ชั่วโมง รองรับ LTE แบบ eSIM เรื่องความปลอดภัยไม่ต้องห่วงเพราะมี Samsung’s Knox Security Platform ไม่ต้องกลัวการโจรกรรมรหัส
- Galaxy Watch4 มี 2 ขนาด 40 มม. และ 44 มม. มีทั้งรุ่น BT/LTE สี Black, Silver, Green (44มม.), Pink Gold (40มม.)
- Galaxy Watch4 Classic มี 2 ขนาด 42 มม. และ 46 มม. มีทั้งรุ่น BT/LTE มี 2 สี Black, Silver
Galaxy Buds2
ถึงแม้ว่าจะเป็น galaxy Buds รุ่นเริ่มต้น แต่คุณภาพถือว่าจัดเต็ม ตัวหูฟังเป็น Dynamic 2 way speakers คือ Woofer, Tweeter มี ANC ตัดเสียงรบกวนรอบข้างได้ถึง 98% ช่วยในการโทรศัพท์ให้เสียงคมชัด ไร้เสียงรบกวนมากยิ่งขึ้นด้วย
ตัวหูฟังเบาและเล็กกว่าเดิม สามารถปรับจูนเสียงให้เข้ากับหูได้ รับเสียงภายนอกได้ถึง 3 ระดับ และถ้าหากพูดเรื่องคุณภาพเสียงก็ไม่ต้องห่วงมีการปรับจูนโดย AKG
ในเรื่องของการใช้งาน เมื่อเปิดเปิด ANC สามารถใช้ได้ 5 ชั่วโมง หากไปชาร์จในเคสใช้งานได้ต่อเนื่อง 20 ชั่วโมง การเชื่อมต่อเป็น Bluetooth 5.2
ใช้งานได้แบบไร้รอยต่อ ทำงานควบคู่กับ Galaxy Mobile, Galaxy Tab, Galaxy Watch ตั้งค่าหูฟังเปิด ANC ผ่าน Galaxy Watch4 ได้ด้วย
มีทั้งหมด 4 สี White, Graphite, Olive, Lavender (เคสข้างนอกจะเป็นสีขาวเสมอ เปลี่ยนสีแค่ภายในเคสกับตัวหูฟัง) ราคาเริ่มต้น $149.99
เอาเป็นว่าใครอยากเห็น Galaxy Z Fold3 และ Z Flip เครื่องจริง ๆ แบบก่อนใครก็สามารถดูได้ที่ Facebook และ YouTube Ceemeagain ส่วนเครื่องใช้งานจริงเป็นยังไง เดี๋ยวจะมีรีวิวให้ดูเร็ว ๆ นี้ หรือ