สถานการณ์การขาดแคลนชิปประมวลผลในปัจจุบันแม้จะเริ่มมีแนวโน้มดีขึ้น แต่ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่าการขาดแคลนนี้อาจจะต่อเนื่องยาวนานไปจนถึงไตรมาสสองของปีหน้าเป็นอย่างน้อย

ทั้งนี้ปัญหาการขาดแคลนชิปที่กำลังเป็นอยู่นี้เริ่มต้นมาจากสงครามการค้าระหว่างอเมริกาและจีนลากยาวมาจนการระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลให้โรงงานต้องหยุดการผลิต ประกอบกับความต้องการใช้งานชิปที่เพิ่มมากขึ้นจากหลายภาคอุตสาหกรรม รวมถึงกรณีภัยพิบัติทางธรรมชาติที่ส่งผลต่อกำลังการผลิตชิปสู่ตลาดโลก

ส่งผลกระทบลุกลามไปในหลายอุตสาหกรรม โดยที่ได้รับผลกระทบหนัก ๆ นั้นก็ได้แก่ อุตสาหกรรมรถยนต์จนแม้ว่าตัวรถผลิตเสร็จรอใน Line ผลิตแล้วแต่ก็ยังขาดชิปประมวลผลซึ่งเป็นสมองของรถในการควบคุมการทำงานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นระบบความบันเทิงในรถหรือแม้แต่ระบบนำทาง ทำให้มีรถตกค้างรอการติดตั้งชิปประมวลผลรอยู่ในโรงงานจำนวนมากทำให้ส่งรถให้กับลูกค้าล่าช้าอย่างที่เป็นกันอยู่ รวมถึงตลาดสมาร์ทโฟนก็ได้ยังรับผลกระทบไปด้วย อย่างที่เราจะได้เห็นการเลื่อนเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ของซัมซุงอันมีสาเหตุมาจากการขาดแคลนชิปนี้ หรือในส่วนตลาดคอมพิวเตอร์บุคคลก็เกิดความต้องการใช้งานพุ่งสูงขึ้นจากการนำฮาร์ดแวร์เช่นการ์ดจอไปขุดเหรียญคริปโต จนเหล่าเกมเมอร์เซ็งไปตาม ๆ กัน

ด้วยเล็งเห็นถึงปัญหาและต้องการแก้ปัญหาในด้านกำลังการผลิตชิปและหวังที่จะกลับมาเป็นประเทศผู้นำในสัดส่วนการผลิตชิปประมวลผลของโลก รัฐบาลญี่ปุ่นจึงมีแผนส่งเสริมการลงทุนในการผลิตชิปเป็นมูลค่ากว่า 1.5 แสนล้านบาท โดยมีทั้งการลงทุนในบริษัทผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของโลกอย่าง TSMC ของไต้หวันหรืออย่าง Micron Technology Inc ของอเมริกา

โดย TSMC ได้ประกาศแผนการสร้างโรงงานผลิตชิปแห่งใหม่ที่ใช้เงินลงทุนกว่า 2 แสนล้านบาทซึ่งจะเป็นการร่วมทุนกันกับ Sony โดยตั้งเป้าที่ในการเริ่มทำการผลิตเต็มที่ให้ได้ภายในปี 2024

ทั้งนี้ในช่วงทศวรรษที่ 80 ญี่ปุ่นนั้นเคยเป็นประเทศผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของโลกก่อนที่จะเสียตำแหน่งไปให้กับผู้ผลิตจากไต้หวัน จีน เกาหลีและอเมริกา ในช่วง 3 ทศวรรษที่ผ่านมา และการที่ญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมการผลิตชิปนี้อาจสร้างความหวังในการปรับสมดุลย์ระหว่างฝั่งอุปทานให้เพียงพอกับอุปสงค์ที่นับวันมีแต่จะเพิ่มมากขึ้น

แต่ก็ไม่อาจช่วยแก้ไขสถานการณ์ได้ในเร็ววันแน่นอนเพราะการลงทุนสร้างโรงงานผลิตชิปนั้นใช้เงินลงทุนมหาศาลและใช้เทคโนโลยีขั้นสูงด้วยเครื่องจักรที่มีความซับซ้อนมาก รวมถึงการออกแบบติดตั้งระบบปรับกาศ การทำห้องปลอดฝุ่น โดยในห้องผลิตชิปนั้นจะยอมให้มีฝุ่นในอากาศได้เพียงแค่ 10 อนุภาคต่อ 1 ลูกบาศก์เมตรเท่านั้น น้อยกว่าสภาพแวดล้อมในห้องผ่าตัดของโรงพยาบาลทั่วไปอยู่ถึง 1,000 เท่าเลยทีเดียว

และนั่นก็เป็นเหตุผลว่าแม้ญี่ปุ่นจะมาลงทุนจริงจังแล้ว แต่เราก็จะยังคงต้องอยู่กับสภาพการขาดแคลนชิปที่เป็นอยู่นี้ไปอีกอย่างน้อย ๆ ก็กลางปีหน้าสถานการณ์ถึงอาจจะพอคลี่คลายลงไปบ้าง

 

*******************************************************************************************************************************

อ้างอิง:

https://interestingengineering.com/japan-is-investing-over-5-billion-to-solve-the-worlds-chip-shortage

https://asia.nikkei.com/Business/Tech/Semiconductors/TSMC-says-it-will-build-first-Japan-chip-plant-with-Sony

https://interestingengineering.com/the-worlds-oldest-company-has-been-active-for-over-14-centuries