เมื่อวันพุธที่ผ่านมานั่นเป็นการประกาศผลประกอบการไตรมาสแรกของ Meta แม้รายได้จะไม่เข้าเป้า แต่งานนี้ทาง Mark Zuckerberg ได้เผยทิศทางในอนาคตของบริษัทที่น่าสนใจหลายอย่าง หนึ่งในนั้นคือ Facebook ปรับหน้าฟีดเห็นเพื่อนน้อยลง เปลี่ยนจากสื่อสังคมออนไลน์เป็น Search Engine แทน
ทาง Zuckerberg ได้เผยความท้าทายของ Meta บางส่วนบนหน้า Facebook ของตัวเองในวันเดียวกัน ซึ่งมีหลายประเด็นที่น่าขบคิด เช่น การเปลี่ยนผ่านไปสู่แพลตฟอร์มวิดีโอสั้นซึ่งยังไม่สามารถทำรายได้เท่าที่ควร แต่ในระยะยาวเขามองเห็นทิศทางในแง่บวก หรือสัญญาณบางอย่างที่ส่งผลต่อการสูญเสียรายได้ เช่น การเปลี่ยนนโยบายความเป็นส่วนตัวของ iOS, การเติบโตของ e-commerce ที่ช้าลง รวมถึงสงครามในยูเครน
วิดีโอ, โฆษณา และ Metaverse สร้างความเติบโต
ปีที่แล้ว Meta ได้แบ่งแยกธุรกิจเป็นสองส่วนคือ Family of Apps หรือแอปในเครือ อย่าง Facebook, Instagram, Messenger และ Reality Labs ที่จะเน้นเรื่องของการสร้างโซเชียลมีเดียสำหรับอนาคตบน Metaverse
“เป้าหมายข้างหน้าในแง่ของการเงิน คือการสร้างการเติบโตของรายได้ที่เพียงพอจาก Family of Apps เพื่อสนับสนุนการเติบโตของการลงทุนใน Reality Labs ในขณะสร้างความเติบโตให้ผลกำไรโดยรวม
ในไตรมาสแรกของปีนั้น Reality Labs ประสบภาวะขาดทุน 2.9 พันล้านดอลลาร์ แม้จะมีรายได้เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2021 เนื่องจากต้องใช้งบลงทุนในเทคโนโลยี รวมถึงต้นทุนค่าพนักงานและการขาย
Meta วางแผนที่จะเน้นการลงทุนใน 3 ด้านเพื่อสร้างความเติบโต คือ Reels, โฆษณาและ metaverse.
AI Video Recommendations
Reels เปิดให้บริการทั่วโลกในเมื่อกุมภาพันธ์ 2022 ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มวิดีโอสั้นที่ออกมาแข่งกับ TikTok โดยทาง Meta วางแผนที่ใช้ AI มาช่วยสร้างรายได้ เพื่อให้คอนเทนท์ประเภทวิดีโอได้รับความนิยมมากขึ้น ทาง Zuckerberg บอกว่า:
“ตอนนี้คนใช้เวลากับ Reels มากขึ้น 20% เมื่อเทียบกับการใช้งาน Instagram ดู Video โดยรวมมากขึ้นมากกว่า 50% เมื่อเทียบกับการดูบน Facebook ซึ่ง Reels มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว
เรากำลังมองการปรับหน้าฟีดครั้งใหญ่ จากเดิมที่ใช้เลือกแสดงโดยใช้เนื้อหาจากเพื่อนหรือเพจที่เรากดติดตามอยู่ขึ้นมาแสดงก่อน จะเปลี่ยนเป็นให้ AI มาแนะนำให้เราเห็นก่อน แม้ว่าเนื้อหานั้นเพื่อนหรือเพจที่เรากดติดตามจะไม่ได้โพสต์
สร้างแพลตฟอร์มใหม่ด้วย VR และ AR
Zuckerberg ยังเผยถึงแผนการของ Meta ที่เตรียมเปิดตัวสื่อสังคมออนไลน์ใหม่ในชื่อว่า Horizon ภายในปีนี้ ซึ่ง Horizon จะทำให้ทุกคนก้าวเข้าสู่ metaverse ได้ง่ายขึ้น สามารถเข้าใช้งานได้หลายช่องทางโดยไม่จำเป็นต้องสวมแว่นตา VR ซึ่งแพลตฟอร์มนี้จะทำงานร่วมกับ Quest แพลตฟอร์มที่ทาง Meta เป็นเจ้าของ รองรับกิจกรรมต่างๆทั้งการทำงานและบันเทิง
“Horizon คือการสร้างระบบนิเวศของ metaverse และช่วยเหล่าครีเอเตอร์ในการสร้างพื้นที่สำหรับทำงานใน metaverse เราคาดว่าจะสร้างความหมายที่ดีขึ้นกว่าพื้นที่อื่นๆ
Discovery Engine เปลี่ยนจากสื่อสังคมออนไลน์เป็น Search Engine แทน
ถ้าหากแนวคิดของ Apple คือ “Think Different” หรือการคิดต่าง แนวคิดของ Meta นั้นก็คงจะเป็น “Don’t Think, We’ll Do That For You.” ไม่ต้องคิดเราทำให้เอง นั่นจึงทำให้เราเห็นว่าทาง Meta เองได้ลงทุนอย่างมหาศาลใน AI และ machine learning เพื่อเรียนรู้พฤติกรรมผู้ใช้ เพื่อเลือกเนื้อหาและโฆษณาที่ตรงกับความสนใจของแต่ละคนมาโชว์ให้เห็นซึ่งจะสร้างโอกาสในการสร้างรายได้มากขึ้น
แต่สิ่งเหล่านี้กลับเปลี่ยนไป เมื่อ Apple ส่งสัญญาณปรับนโยบายความเป็นส่วนตัวบน iOS หากจะมีการติดตามข้อมูลการใช้ ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ใช้ก่อน แม้รายได้จากโฆษณาของ Meta นั้นจะเพิ่มขึ้น 15% แต่เมื่อดูราคาขายโฆษณาต่อชิ้นกลับมีราคาลดลง ในอนาคต AI จะมีบทบาทสำคัญในการเลือกโฆษณาที่ดีขึ้น เพื่อสร้างการเติบโตของรายได้
ฝั่งของผู้ใช้นั้น ทาง Meta วางแผนที่จะใช้โมเดลเดียวกันในการคัดเลือกเนื้อหาเพื่อไปแสดงบนแอปในเครือ ซึ่งทาง Zuckerberg บอกว่าเป้าหมายหลักคือ การก้าวไปเป็น “Discovery engine” ของโลก ซึ่งก็น่าจะคล้ายๆกับ Google เพียงแค่ว่าจะสามารถหาข้อมูลได้จากแอปในเครือของ Meta เท่านั้น โดย AI จะนำเสนอฟีดเหล่านี้ให้เราเห็นแม้จะมาจากคนหรือเพจที่เราไม่ได้กดติดตาม เพื่อให้เห็นคอนเทนท์ได้มากขึ้นต่อหนึ่งวัน
ฟังดูแล้วก็ดูผิดจุดประสงค์ที่เราเข้ามาใช้งาน Facebook หรือ Instagram ซึ่งคนส่วนใหญ่สมัครใช้งานก็เพราะอยากแชร์ประสบการณ์กับเพื่อน หรืออยากได้ข้อมูลจากกลุ่มหรือเพจที่ตรงความสนใจ
ที่มา mediapost, searchenginejournal