ใครที่สนใจแว่นตาเสมือนจริงอยู่ แต่ยังลังเลไม่รู้จะเลือกรุ่นไหนดี นี่คือ 5 เหตุผลที่ทำให้คุณจะหลงรัก HTC VIVE แว่นตา VR ที่เรียกว่าคุณภาพอยู่แถวหน้าสุด

HTC VIVE

หนึ่งในเทรนด์ที่มาแรงสุดในโลกไอทีปีนี้ก็คือเทคโนโยี VR ที่หลายค่ายหันมาให้ความสำคัญมากขึ้น โดยเฉพาะแว่นตา VR จะออกมาให้เราเห็นมากขึ้นเรื่อยๆ หนึ่งในค่ายที่เรียกว่าได้รับการยอมรับมากที่สุดก็คือ HTC VIVE ที่เราจะเห็นนักเล่นเกม รวมถึงบริษัทใหญ่เลือกใช้เป็นอันดับต้น กาวรันตีด้วยรางวัลต่างๆมากมาย หลายๆคนที่สนใจ แต่ยังลังเลไม่รู้ว่าจะซื้อมาใช้ดีรึเปล่า รวมถึงคนที่มักจะติดภาพจำว่า มันเป็นแค่อุปกรณ์เล่นเกมแต่จริงๆแล้วมันมีศักยภาพมากกว่านั้นแยะเลยค่ะ หลังจากที่ลองใช้มาพักนึงแล้วก็ขอสรุปออกมาเป็นจุดเด่น 5 ข้อที่เป็นเหตุผลหลักที่ในการเลือก HTC VIVE มาใช้งาน

1.ประสบการณ์การใช้งานที่แตกต่าง

สิ่งที่เป็นจุดขายหลักของแว่นตา VR ก็คือประสบการณ์การใช้งานที่แตกต่างไปจากการใช้งานคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตทั่วไป ที่เรามักจะคุ้นชิ้นกับการสั่งงานผ่านจิ้มจอหรือผ่านอุปกรณ์อย่างเม้าส์และคีย์บอร์ด แต่แว่นตา VR นั้นจะเปิดการใช้งานรูปแบบ immersive experience คือเปิดโอกาสให้เราเอาตัวเองไปอยู่ในโลกเสมือนจริง สามารถปฏิสัมพันธ์กับสิ่งที่อยู่ในนั้นได้ราวกับเป็นของจริง

ไม่ว่าเราจะขยับศีรษะยังไง หมุนซ้ายหมุนขวา สิ่งแวดล้อมต่างๆก็หันตามเราได้อย่างสมจริง แว่นตา VR นั้นไม่ใช่มีประโยชน์ใช้แค่เรื่องของความบันเทิง อย่างการเล่นเกมหรือดูหนังเท่านั้นนะ แต่ยังเปิดโอกาสในการใช้งานรูปแบบใหม่ๆ ไม่ว่าอยากไปเที่ยวที่ไหน อยากลองทำอะไรใหม่ๆมที่ไม่เคยทำในชีวิตจริงก็ลองทำผ่านแว่นตา VR ได้ก่อนเลยค่ะ

2.เทคโนโลยี Room Scale จับการเคลื่อนไหวได้ทั้งห้อง

สิ่งที่ HTC VIVE ทำได้เหนือกว่าแว่นตา VR แบรนด์อื่นๆก็คือ เทคโนโลยี Room Scale ใช้งานได้ทั่วห้อง ตามสเปคที่เขียนไว้ รองรับห้องขนาดใหญ่สุด 4.5 x 4.5 เมตร ซึ่งแว่นอื่นๆนั้นจะใช้แค่กล้องตัวเดียวในการจับการเคลื่อนไหว ทำให้ใช้งานได้ในระยะจำกัดแค่ระยะ 1-2 เมตรหน้ากล้องเท่านั้น จึงทำให้ขยับตัวเคลื่อนไหวไม่ได้มากนัก

HTC VIVE นั้นจะให้เซนเซอร์ Light House Base Station มาถึงสองตัว การติดตั้งนั้นจะต้องอยู่ในตำแหน่งเหนือศีรษะสักหน่อย โดยเราอาจจะหาเสามาติดหรือเจาะติดไปกับกำแพงห้องก็ได้ เพื่อช่วยจับการเคลื่อนไหวได้ทั้งห้อง ไม่ว่าคุณจะอยู่ตำแหน่งไหน ช่วยให้ออกท่าออกทางได้เยอะขึ้น แถมยังรองรับการใช้งานหลายคนพร้อมกัน อย่างเช่นพวกเกม Muti-Player ก็เริ่มเอามาใช้แล้วช่วยให้ใช้งานสนุกขึ้น 

3.ซอฟท์แวร์ VR ที่มากที่สุด

ใครที่ซื้อแว่นตา VR มาแล้วกลัวไม่มีคอนเทนท์ใช้งาน บอกเลยว่าซื้อ HTC VIVE หายห่วงเรื่องนี้ เพราะถือว่าเป็นแว่นตา VR ที่มีซอฟท์แวร์ให้เลือกใช้งานมากที่สุดในตอนนี้ เรียกว่าใช้งานกันไม่หวาดไม่ไหวเลยค่ะ  แถมช่องทางการโหลดซอฟท์แวร์มีให้เลือกถึงสองแหล่งใหญ่ๆ ก็คือ SteamVR และ Viveport ของทาง HTC เอง ซึ่งจะมีทั้งแบบโหลดฟรีและเสียเงิน แบ่งแยกประเภทให้หาเจอได้ง่าย ส่วนใครที่ขี้เบื่อนั้น Viveport นั้นจะมีระบบ Subscription จ่ายเหมาแบบรายเดือน เลือกแอปและเกมใช้งานเดือนละ 5 แอปจากมากกว่า 320 แอป ราคาเริ่มต้นแค่ 209 บาทเท่านั้น

แนวโน้มคอนเทนท์ VR ก็มีหลากหลายมากขึ้น เริ่มตั้งแต่เกมอันนี้ถือเป็นหัวหอกในการเปิดตลาดเพราะเข้าถึงคนได้เยอะสุด  อันนี้ก็มีเกมดังระดับ Triple A อย่าง fallout4 และเกมดังๆที่จ่อคิวตามมาอีกเพียบ ไม่ใช่แค่เกมนะ โปรแกรมอื่นๆ ก็มีเพียบทั้งสายออกแบบอย่าง google tilt brush ที่ให้เราออกแบบกราฟฟิคหรือโมเดลสามมิติผ่านโลกเสมือนจริง,  Facebook Spaces หรือเฟซบุ๊กเวอร์ชั่นแว่นตา VR นอกจากนั้นก็ยังมีโปรแกรมฝึกเทรนนิ่งต่างๆ จนไปถึงหนังให้ดูบน VR ก็มีแล้ว

 

4.อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีแถวหน้า

ตัวแว่นออกแบบมาในดีไซน์ดุดัน ใช้สีดำเป็นหลัก มีขนาดและน้ำหนักพอสมควรอยู่ที่ 555 กรัมแต่ก็ไม่ได้หนักอะไรมากมายผู้หญิงก็ใส่ได้ซึ่งแว่นพวกนี้ก็ไม่ได้เหมาะกับการใส่เล่นนานๆเพราะอาจทำให้เกิดอาการมึนหัวได้ ภายในอัดแน่นด้วยเทคโนโลยีล้ำๆ อย่างเช่น ด้านหน้าจะมีกล้องสำหรับใช้งานร่วมกับเทคโนโลยี AR สำหรับเก็บภาพโลกแห่งความเป็นจริง เพื่อซ้อนวัตถุ 3 มิติทับเข้าไป

ส่วนด้านในจะมาพร้อมกับจอ OLED ขนาด 3.6 นิ้ว หน้าจอของแว่นนั้นจะให้มุมมองภาพ 110 องศา ความละเอียดข้างละ 1080×1200 เมื่อเอาสองข้างรวมกันก็จะได้ความละเอียด อยู่ที่ 2160 x 1200 พิกเซล  มีอัตรา refresh rate อยู่ที่ 90 Hz

สายรัดสามารถปรับให้เข้ากับขนาดศีรษะของแต่ละคนได้ ถ้าใครที่สายตาสั้นก็ใช้งานได้นะ หรือจะใส่แว่นตาเล่นไปพร้อมกันได้เลย ไม่ต้องเสียเวลาถอดออก ด้านหน้ามีปุ่มหมุนสำหรับปรับโฟกัสที่ตัวแว่นให้พอดีกับระยะสายตาได้ ด้านหลังจะมีแจ็คเสียบหูฟัง 3.5 มม.มาให้ด้วย ใส่แล้วจะได้อรรถรสในการเล่นมากขึ้น

ในส่วนของการควบคุมนั้น HTC VIVE นั้นจะมีคอนโทรลเลอร์มาให้สองอันพร้อมสายคล้องมือกันหลุดเวลาใช้  ซึ่งจะเป็นหัวใจสำคัญในการโต้ตอบกับสิ่งของต่างๆบนโลกเสมือนจริง  มันสามารถกลายร่างเป็นอุปกรณ์ต่างๆได้ เช่น อาวุธในเกม เป็นพู่กันวาดรูป ใครกลัวใช้งานไม่เป็นไม่ต้องห่วงค่ะแต่ละโปรแกรมจะมีสอนวิธีใช้งานให้ และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือเซนเซอร์อัจฉริยะ Light House Base Station ที่จับการเคลื่อนไหวได้ทั่วห้อง

 

5.ติดตั้งและใช้งานง่าย

การทำงานนั้นจะต้องต่อเข้ากับคอมพิวเตอร์เป็นตัวประมวลผลกราฟฟิคต่างๆ ส่งไปภาพแสดงบนแว่น ซึ่งข้อจำกัดคือตอนนี้ทำงานได้เฉพาะ PC เท่านั้น ส่วน Mac ยังไม่รองรับนะ แถมคอมที่ใช้ก็ต้องมีสเปคที่สูงพอสมควร ใครไม่มั่นใจว่าคอมตัวเองใช้ได้รึเปล่า ก็เข้าไปที่เว็บของ Vive จะมีให้โหลดโปรแกรมทดสอบสเปคเครื่องใช้งานได้รึไม่ ถ้าใช้ไม่ได้ต้องอัพสเปคตรงไหนบ้าง

สิ่งที่หลายคนอาจจะไม่ชอบก็คือ ช่วงการเซ็ตอัพนี่แหละ เปิดกล่องมาครั้งแรกหลายคนอาจจะตกใจว่าให้อุปกรณ์และสายต่างๆมาเยอะมากจะต่อคนเดียวไหวมั้ย บอกเลยว่ เห็นเยอะๆแบบนี้ใช้เวลาต่อไม่นานเลยค่ะ แปบเดียวเสร็จ แต่อาจจะต้องหาปลั๊กรางมาเตรียมเพิ่มไว้หน่อยเพราะตัว Lighthouse นั้นต้องเสียบปลั๊กไฟถึงจะทำงานได้

จากนั้นต้องไปโหลดโปรแกรมลงคอมพิวเตอร์ รวมถึงอัพเดทเฟิร์มแวร์ของตัวแว่น ข่าวดีสำหรับคนไม่ชอบสาย ตอนนี้ทาง HTC ได้เปิดตัว VIVE Wireless อุปกรณ์เชื่อมต่อไร้สาย ในงาน CES ต่อไปจะใช้สายน้อยลง ใครที่สนใจแว่นตาตัวนี้ ลองดูคลิปด้านล่างก่อนได้นะ จะได้ตัดสินใจง่ายขึ้น