CES 2019 ปีนี้จัดเต็มพื้นที่ มีนวัตกรรมใหม่มาโชว์มากมาย สิ่งเหล่านี้กำลังบอกถึงเทรนด์เทคโนโลยีที่จะมา Disruption ทุกอุตสาหกรรม

CES

เริ่มไปแล้วกับงาน CES 2019 งานไอทีใหญ่แรกของปี ตั้งแต่วันที่ 7 มกราคมที่เป็นรอบสื่อจนไปถึง 11 มกราคม เรียกว่าปีนี้มีบูธหนาตาขึ้น คนเข้างานก็เหมือนจะเยอะขึ้นด้วย

ทุกครั้งที่ซีมาเดินงานแบบนี้จะมีอะไรใหม่ๆให้ว้าวเสมอ เราจะเห็นสตาร์ทอัพหน้าใหม่ที่ขนเอาไอเดียนวัตกรรมที่แหวกแนวมาโชว์ รอวันแจ้งเกิดเป็นบริษัทใหญ่ต่อไป  แต่งานนี้ไม่ใช่แค่เอาของไฮเทครุ่นใหม่ๆมาโชว์เท่านั้น แต่มันกำลังบอกเราว่า แม้ต่อไปชีวิตเราจะสะดวกสบายขึ้น แต่เทคโนโลยีจะเข้ามามีบทบาทในทุกวงการ ทุกอุตสาหกรรมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ใครที่ปรับตัวเร็วเท่านั้นที่จะอยู่รอด

ปีนี้เราจะเห็นเทคโนโลยีที่เป็นแรงขับเคลื่อนนวัตกรรมยุคถัดไปหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น 5G ที่พร้อมทั้งเรื่องของโครงข่ายและอุปกรณ์ต่างๆที่รองรับแล้ว, โครงสร้างพื้นฐานต่างๆของ Smart City ที่ทำให้เมืองที่เราอยู่ฉลาดขึ้น, สื่อรูปอินเตอร์แอคทีฟแบบใหม่ที่ผสมผสาน AR/VR เข้าไปเพื่อสร้างประสบการณ์ใช้งานในรูปแบบใหม่ๆ, รถยนต์ไร้คนขับ และเทคโนโลยีเกี่ยวกับพลังงานหมุนเวียน รวมถึงอุปกรณ์เกี่ยวกับสุขภาพ, การออกกำลังกาย,กีฬาและบันเทิงจนไปถึงเกมและ Smart Home ทุกๆอย่างต่างก็มุ่งไปสู่การเชื่อมต่อ “อินเตอร์เน็ต” ข้อมูลทุกอย่างสื่อสารถึงกันหมด ทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น แถมยังปรับแต่งการใช้งานให้เหมาะกับแต่ละบุคคล รู้ว่าคนไหนชอบอะไร ไม่ชอบอะไร

VR และ AR เทคโนโลยีที่เป็นจุดเปลี่ยน

เทรนด์ปีนี้เราน่าจะได้เห็นเทคโนโลยี VR และ AR มากขึ้น ไม่ใช่แค่ระดับผู้ใช้ทั่วไปอย่างเราๆ แต่หลายอุตสาหกรรมจะเอามาเริ่มใช้งานจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นวงการการแพทย์, การเกษตร, อสังหาริมทรัพย์, ค้าปลีก, การผลิต เป็นต้น ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ อย่างในวงการแพทย์ หมอสามารถใช้ VR ร่วมกับการรักษาแบบปกติ เช่น ให้ผู้ป่วยใส่แว่น VR หันเหความสนใจ ช่วยลดอาการเจ็บปวดตอนรักษา, สถาปนิกสามารถใช้ AR มาสร้างโมเดลแบบแปลน 3 มิติซ้อนทับลงไปบนพื้นที่จริง ส่องฟังก์ชั่นต่างๆก่อนสร้างจริง ที่ให้แบบแข็งแรงขึ้น หรือแม้แต่บริษัททัวร์ก็เปิดให้ลูกค้าดูโปรแกรมทัวร์ผ่านแว่นตา VR ลองไปเที่ยวจุดหมายก่อนผ่านโลกเสมือนจริง จะได้ตัดสินใจซื้อแพคเกจทัวร์ง่ายขึ้น

Transportation

อีกหนึ่งโซนที่น่าสนใจในงาน CES 2019 ก็คือโซนยานยนต์และการขนส่ง มีครบหมดตั้งแต่โดรน, พาหนะส่งของ, รถยนต์ไร้คนขับ จนไปถึงการวางผังเมืองของ Smart City ที่เรียกว่าเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วมาก สิ่งเหล่านี้จะมาปฏิวัติให้การทำธุรกิจแบบเก่าๆล้มหายตายจากไป

รถยนต์ไร้คนขับที่รถยนต์สามารถสื่อสารกันเอง หลบหลีกสิ่งกีดขวาง เปลี่ยนเลนได้เอง รวมถึงไฟจราจรรู้ว่าไฟแดง ไฟเขียวตอนไหน โดยไม่ต้องมีคนคอยจับพวงมาลัย ส่งผลให้การเดินทางปลอดภัยมากขึ้น ลดอุบัติเหตุที่เกิดจากคน

อุตสาหกรรมต้องรับตัวรับเทคโนโลยีใหม่

ฟากอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่ต้องจับตา เพราะมันจะมา Disruption ก็มี หุ่นยนต์, Cyber security และ Sharing economy ที่จะส่งผลกระทบต่อทุกอุตสาหกรรม ทั้ง แวดวงการเงิน, ค้าปลีก, สุขภาพ, เกษตรกรรมและภาคการผลิต ซึ่งงานปีนี้เราได้เห็นเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าไปกว่าปีก่อนๆที่ช่วยเพิ่มความฉลาดขึ้นทั้งในส่วนของฮาร์ดแวร์และซอฟท์แวร์

ในงาน CES เราจะได้เห็นกรณีศึกษาที่เอาไปใช้งานจริงๆ แล้วไม่ว่าจะเป็นระบบอัตโนมัต (Automation), AI, Machine learning ยกตัวอย่างเช่น Deere ที่เอาเทคโนโลยีเหล่านี้ไปใส่ในรถแทรกเตอร์ ทำงานฉลาดขึ้น ได้ผลผลิตออกสู่ตลาดมากกว่าเดิม ช่วยยกระดับชีวิตให้เกษตรกร

ทั้งหมดนี้คือเทรนด์ที่เกิดขึ้นจริงแล้ว หนียังไงก็ไม่พ้นค่ะ อยู่ที่เราจะปรับตัวและเลือกใช้ให้เหมาะยังไงชีวิตเราค่ะ