หลังจากที่เปิดตัว HarmonyOS ไปเมื่อเดือนที่ผ่านมากับระบบปฏิบัติการและระบบนิเวศน์ที่รองรับอุปกรณ์อัจฉริยะรอบตัวเราหลายอย่าง มาวันนี้หัวเว่ยก้าวไปอีกขั้น ด้วยการเปิดตัวระบบอีโคซิสเต็ม คุนเผิง พร้อมโชว์เทคโนโลยี 5G ในงาน Asia-Pacific Innovation Day ที่ เมืองเฉิงตู ประเทศจีน
การที่ 5G จะประสบความสำเร็จได้นั้น การที่มีเครือข่ายอย่างเดียวคงไม่ได้ ต้องอาศัยความรวมมือจากทุกฝ่าย ทั้งอุปกรณ์, นักพัฒนา, ภาครัฐและเอกชน ช่วยคิดและต่อยอดนำไปใช้งาน เรียกว่าอีโคซิสเต็มหรือระบบนิเวศน์ ต้องพร้อมด้วยถึงจะเกิดการใช้งานในวงกว้าง
ทางหัวเว่ยเองให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ด้วยการทุ่มงบให้กับระบบอีโคซิสเต็ม คุนเผิง ด้วยมูลค่าสูงถึง 3 พันล้านหยวนในเวลา 5 ปีเพื่อสร้างระบบนิเวศน์ให้ครอบคลุมทุกภาคส่วนเริ่มตั้งแต่ในส่วนของนักพัฒนา มีการสร้างชุมชนเครือข่ายออนไลน์ คุนเผิง ซึ่งให้บริการไลบรารี คอมไพเลอร์ ทูลเชน และระบบปฏิบัติการโอเพ่นซอร์สที่ช่วยเรื่องแอ็กเซลเลอเรชัน (Acceleration) เพื่อช่วยให้พันธมิตรและนักพัฒนาซอฟต์แวร์สามารถเข้าถึงบริการจากระบบปฏิบัติการ คอมไพเลอร์ รวมถึงการพอร์ตและการอ็อปติไมซ์การใช้งานได้อย่างรวดเร็ว เพื่อให้ทุกฝ่ายสามารถสร้างสรรค์ เผยแพร่ และประสบความสำเร็จในยุคแห่งการประมวลผลแบบใหม่
นอกจากนั้นยังมีการจัดงาน Asia-Pacific Innovation Day ปีนี้ ที่เมืองเฉิงตู เพื่อเปิดตัวระบบอีโคซิสเต็ม คุนเผิง โดยมีผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการ หน่วยงานภาครัฐ รวมถึงทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมาร่วมประชุมเพื่อค้นหาแนวทางใช้เทคโนโลยีในเชิงสร้างสรรค์และเป็นประโยชน์ต่อสังคม ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยี 5G, ปัญญาประดิษฐ์ (AI) รวมไปถึงวิธีที่เทคโนโลยีจะช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาเพื่อตอบสนองความต้องการของมนุษย์ในทุก ๆ ด้าน
มร. วินเซนต์ ผาง รองประธานอาวุโสและประธานฝ่ายสื่อสารองค์กรของหัวเว่ย กล่าวว่า “หัวเว่ยได้ดำเนินกิจกรรมต่างๆ เพื่อตอบแทนคืนสู่โลกที่เราดำเนินธุรกิจมา 30 ปี วิสัยทัศน์ของเรา คือการใช้เทคโนโลยีเพื่อเชื่อมต่อผู้คนและสิ่งต่าง ๆ เข้าด้วยกัน เพื่อหลอมรวมเป็นพลังสมองอันไร้ขีดจำกัด เราจะได้พร้อมสำหรับความท้าทายที่โลกและมนุษยชาติต้องเผชิญ ภารกิจของหัวเว่ยรวมถึงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม สัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์ ปูชนียสถานและมรดกทางวัฒนธรรม ด้วยหวังจะธำรงรักษาสมบัติล้ำค่าเหล่านี้ให้แก่คนรุ่นหลัง
เทคโนโลยีไร้สาย 5G จะช่วยให้การเชื่อมต่อที่รวดเร็วและทรงพลังในระดับจิกะบิต จีเอสเอ็มเอ หน่วยงานล็อบบี้ด้านโทรคมนาคม ได้คาดการณ์ไว้ว่า ร้อยละ 15 ของการเชื่อมต่อไร้สายทั่วโลกจะเป็น 5G ภายในปี 2568 โดยเอเชีย-แปซิฟิกจะกลายเป็นภูมิภาคที่มีการใช้งาน 5G มากที่สุด
ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเล็งเห็นถึงศักยภาพของการเชื่อมต่อ 5G เพื่อส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจ ต่างจับมือกับหัวเว่ยเพื่อพัฒนาเครือข่าย 5G กัมพูชา อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และไทย ซึ่งล้วนเป็นประเทศในสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียน ได้ประกาศความเป็นไปได้ในการร่วมมือกับหัวเว่ยเพื่อสร้างเครือข่ายการสื่อสารไร้สาย 5G ในประเทศของตน
ตัวอย่างเช่น ในประเทศไทย หัวเว่ยได้สร้างสนามทดสอบเครือข่าย 5G (5G Testbed) ในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ซึ่งถือได้ว่าเป็นแห่งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในประเทศมาเลเซีย หัวเว่ยได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MoU) กับบริษัทโทรคมนาคมรายใหญ่อย่าง แม็กซิสและอีด็อตโก เพื่อร่วมพัฒนาเทคโนโลยี 5G และในประเทศเวียดนาม หัวเว่ยก็ได้ร่วมทดสอบ 5G กับผู้ให้บริการเครือข่ายในท้องถิ่นแล้ว
ในเดือนมิถุนายน บริษัท โกลบ เทเลคอม ของฟิลิปปินส์เปิดตัวบริการบรอดแบรนด์ 5G เป็นครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยบริการดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากหัวเว่ย
มร. เจค ซอนเดอส์ รองประธานด้านบริการให้คำปรึกษาในเอเชีย-แปซิฟิก ของเอบีไอ รีเสิร์ช (ABI Research) กล่าวว่า“เทคโนโลยีของหัวเว่ยนั้นถือว่าล้ำสมัยสุดๆ แล้ว พวกเขาคอยคิดค้นสิ่งใหม่ๆ และแข่งขันด้วยราคา สิ่งเหล่านี้เป็นเหตุผลว่าทำไมหัวเว่ยจึงเป็นผู้เล่นที่โดดเด่นมากๆ”
ปัจจุบัน หัวเว่ยได้สัญญา 5G เชิงพาณิชย์แล้ว 50 ฉบับ และส่งออกสถานีฐาน 5G ไปแล้วกว่า 150,000 สถานีให้แก่ลูกค้าทั่วโลก
VIA HUAWEI