คณะวิศวกรรมศาตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล โชว์หุ่นยนต์ช่วยผ่าตัดแบบส่องกล้องฝีมือพัฒนาของคนไทย ช่วยแก้ปัญหาขาดแคลนแพทย์ที่มีความชำนาญสูง จุดเด่นความแม่นยำสูง ลดระยะเวลาและความผิดพลาดจากการผ่าตัด

ปัจจุบันไทยเองก็ขาดแคลนแพทย์ในหลายสาขา โดยเฉพาะแพทย์ที่มีความชำนาญเฉพาะทางที่มักจะกระจุกตัวอยู่ในเมืองใหญ่ๆ นั่นจึงเกิดแนวคิดการนำเทคโนโลยีและหุ่นยนต์ควบคุมระยะไกลมาช่วยลดความเหลื่อมล้ำ ช่วยให้คนในพื้นที่ห่างไกลสามารถเข้าถึงแพทย์ได้อย่างเท่าเทียม

หนึ่งในสถาบันที่ให้ความสำคัญเรื่องการพัฒนาเทคโนโลยีคือ  คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดลที่มีการจัดตั้งศูนย์เครือข่ายวิจัยประยุกต์ทางเทคโนโลยีหุ่นยนต์และชีวการแพทย์ (BART LAB) เพื่อนำองค์ความรู้ด้านวิศวกรรมศาสตร์มาผสมผสานแพทยศาสตร์ เพื่อคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆเพื่อแก้ปัญหาด้วยเทคโนโลยี ช่วยเสริมประสิทธิภาพการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ เพิ่มคุณภาพชีวิตของคนไทยให้ดีขึ้น  นวัตกรรมชิ้นล่าสุดที่มีการเปิดตัวคือ หุ่นยนต์ AI ช่วยผ่าตัดระยะไกล

หุ่นยนต์ช่วยผ่าตัด (Minimal Invasive Surgery: MIS) นี้เป็นหุ่นยนต์ช่วยผ่าตัดแบบส่องกล้องทำงานร่วมกับศัลยแพทย์ โดยจะจะเจาะรูเล็กๆ เพียง 1 – 2 ซม. บริเวณผิวหนังที่ต้องการจะผ่าตัด เพื่อสอดอุปกรณ์ผ่าตัดและกล้องขนาดเล็กเข้าไป หุ่นยนต์จะทำหน้าที่ช่วยถือจับอุปกรณ์การผ่าตัดอย่างมั่นคง โดยใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ควบคุมการเคลื่อนไหวของหุ่นยนต์ซึ่งจะอิงอยู่กับจุดที่ทำการผ่าตัดที่กำหนดไว้ ไม่ให้เคลื่อนออกพ้นจากจุดที่ทำการผ่าตัดเปิดแผลไว้ ช่วยป้องกันความเสียหายของเนื้อเยื่อ

ที่สำคัญคือ เมื่อต้องทำการฆ่าเชื้อ สามารถถอดอุปกรณ์ออกมาได้ หรือระหว่างการผ่าตัดต้องเปลี่ยนอุปกรณ์เครื่องมือบ่อยครั้ง ไม่เป็นอุปสรรค ในลักษณะของการขับเคลื่อน หุ่นยนต์จะช่วยขับเคลื่อนเข้ามาช่วยให้แพทย์ทำงานอย่างแม่นยำเพิ่มมากขึ้น โดยใช้ ระบบขับเคลื่อนผ่านสายส่งกำลัง เป็นระบบที่ทีมวิจัยพัฒนาขึ้นมาเป็นพิเศษ จะมีตัวส่งกำลัง ระบบมอเตอร์สำหรับขับเคลื่อนหุ่นยนต์อยู่ด้านหลัง

นอกจากนั้น BART LAB ยังได้พัฒนาระบบผ่าตัดที่ควบคุมระยะไกล ทำให้ศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญสามารถเชื่อมต่อกับหุ่นยนต์และทีมแพทย์ที่อยู่หน้างานกับผู้ป่วยได้แม้จะอยู่ในที่ห่างไกลกัน เช่น กรณีศัลยแพทย์อยู่ในกรุงเทพ แต่ผู้ป่วยอยู่ต่างจังหวัดต้องได้รับการผ่าตัดด่วน การมีหุ่นยนต์ช่วยผ่าตัด ที่หน้างานจะสามารถตัดสินใจและเรียนรู้การทำงานร่วมกันระหว่างแพทย์กับหุ่นยนต์ได้ ใช้งานง่าย ซึ่งถอดแบบมาจากผู้ที่มีประสบการณ์ความชำนาญสูง ช่วยเสริมประสิทธิภาพการทำงานให้แพทย์การรักษาบำบัดผู้ป่วยได้แม่นยำรวดเร็ว  สามารถเข้าถึงอวัยวะที่ซับซ้อนและละเอียดอ่อนได้ในพื้นที่ทำงานอันจำกัด ผู้ป่วยได้รับการบำบัดรักษาที่มีคุณภาพยิ่งขึ้น แผลเล็ก เสียเลือดน้อย เจ็บแผลน้อย ฟื้นตัวได้เร็ว อีกทั้งเพิ่มโอกาสให้แพทย์สามารถรักษาผู้ป่วยคนอื่นได้มากขึ้นด้วย ปัจจุบันทีม BART LAB กำลังพัฒนาการเชื่อมต่อ โดยยึดหลักความปลอดภัย และประสิทธิภาพการทำงานร่วมกันระหว่างแพทย์และหุ่นยนต์เป็นสำคัญ

ข้อดีของหุ่นยนต์ช่วยผ่าตัดจะสามารถทำงานได้ดีกว่ามนุษย์ในหลายด้าน เช่น ความแม่นยำสูงในพื้นที่ทำงานอันจำกัด ลดระยะเวลาการผ่าตัดและเพิ่มประสิทธิผล ลดความผิดพลาดจากความเหนื่อยล้า ทำงานได้ตลอด 24 ชม.พร้อมลดภาระบุคคลากรลงด้วย