ประเทศนอร์เวย์เป็นหนึ่งในประเทศที่เป็นแนวหน้าในการเปลี่ยนมาใช้พลังงานไฟฟ้าบนท้องถนน ซึ่งตลาดรถยนต์ในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาที่ประเทศนอร์เวย์ มีจำนวนรถยนต์ที่เป็นรถไฟฟ้าแบบเต็มตัว (BEV, Battery Electric Vehicle) ไปแล้ว 73.8% และเป็นรถที่ใช้พลังงานแบตเตอร์รี่ในแบบอื่นๆ (เช่นรถไฮบริดแบบเสียบปลั๊กและไม่ต้องเสียบปลั๊ก) รวมแล้วถึง 94.9%
ซึ่งรถที่ขายดีเป็นอันดับที่หนึ่ง และอันดับที่สองตามติดกันมาก็เป็นรถของ Tesla ทั้งสองตำแหน่ง ตามมาด้วย Volkwagen ตามที่เห็นจากยอดขายจากเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา
- Tesla Model Y: 1,013 units
- Tesla Model 3: 771 units
- Volkswagen ID.4: 725 units
- Audi Q4 e-tron: 661 units
- Nissan Leaf: 655 units
ถึงแม้ว่า Tesla จะครองตำแหน่งในอันดับที่หนึ่งและสองอยู่แล้ว แต่เพราะ Tesla เป็นบริษัทรถที่ต้องนำเข้ารถจากทางเรือ และทำให้เข้าสู้ตลาดที่นอร์เวย์ช้ากว่าเจ้าอื่น ซึ่งในเดือนธันวาคมนั้นนอร์เวย์คาดว่าจะมีรถยนต์ของ Tesla เข้ามาเพิ่มอีก และทำให้จำนวนการซื้อของ รุ่น Model Y และ Model 3 เยอะขึ้นกว่านี้อีก
ข้อมูลนี้ทำให้เห็นว่าตลาดรถที่ใช้น้ำมันอย่างเดียวในการเป็นเชื้อเพลิงนั้นเริ่มหดตัวลงอย่างมาก และบริษัทรถยนต์ควรปรับตัวตามผู้บริโภคอย่างรวดเร็ว ซึ่งตัวเลขของการซื้อรถในเดือนพฤศจิกายนที่นอร์เวย์นั้นแสดงให้เห็นอย่างชัดเจน
รถผู้โดยสาร | ตัวเลขในเดือนพฤศจิกายน 2021 | เปอร์เซ็นต์ตลาดรถ เดือนพฤศจิกายน 2021 | เปอร์เซ็นต์ตลาดรถ เดือนพฤศจิกายน 2020 | เปอร์เซ็นต์ตลาดรถทั้งปี 2021 | เปอร์เซ็นต์ตลาดรถทั้งปี 2020 |
รถที่ใช้น้ำมันเบนซินอย่างเดียว | 356 | 2.3% | 5.1% | 4.4% | 8.9% |
รถที่ใช้น้ำมันดีเซลอย่างเดียว | 416 | 2.7% | 5.4% | 4.1% | 9.3% |
รถไฮบริดทุกชนิด | 3,288 | 21.1% | 33.3% | 27.4% | 29.7% |
รถที่ไม่ปล่อยมลพิษเลย | 11,274 | 73.8% | 56.1% | 64.2% | 52.2% |
ทางเว็บ “electrek” ได้กล่าวไว้ว่าตอนนี้ประเทศนอร์เวย์ยังเป็นแค่โมเดลตัวอย่างให้ตลาดรถยนต์ได้เห็นการเติบโตของรถไฟฟ้าให้กับทางผู้ผลิต และสามารถคาดการณ์กับตลาดรถยนต์ในประเทศอื่นๆได้ภายในสี่ปีข้างหน้า ทางเว็บ “electrek” ยังกล่าวอีกว่า ค่ายรถที่ยังมองข้ามการเติบโตของรถพลังงานไฟฟ้า และไม่ปรับตัวให้ทันภายในปี 2030 หรือ 2035 อาจมีสิทธิล้มละลายได้เลย