ดาวอังคาร ดาวเคราะห์สีแดงที่มนุษย์เราตั้งเป้าที่จะไปเหยียบให้ได้เป็นดวงที่สองต่อจากดวงจันทร์ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า รวมถึงความฝันที่จะเปลี่ยนให้ดาวอังคารให้เป็นโลกใบที่สองบ้านหลังใหม่ของมนุษยชาติ แต่ความหวังที่จะเป็นโลกดวงที่สองนั้นคงเป็นไปได้ยากเพราะดาวเคราะห์ดวงนี้นั้นมีแต่แผ่นดินรกร้างสีแดงไร้ซึ่งชีวิต แต่ด้วยหลักฐานทางธรณีวิทยาที่บ่งชี้ว่าดาวอังคารนั้นเคยมีน้ำและมหาสมุทรอยู่เมื่อหลายร้อยล้านปีก่อน รวมถึงยังมีน้ำแข็งอยู่จำนวนมากที่บริเวณขั้วดาวรวมถึงรายงานการค้นพบแหล่งน้ำที่ซ่อนตัวอยู่ใต้พื้นผิวของดาวอังคารอาจยังทำให้ยังพอมีความหวังต่อการสร้างอาณานิคมบนดาวอังคาร คำถามคือยังมีน้ำอยู่เหลืออีกมากน้อยและมีอยู่ที่อื่นอีกหรือไม่?

ซึ่งล่าสุดผลสำรวจจากภารกิจ ExoMars ของ ESA ได้ค้นพบน้ำที่ซ่อนตัวอยู่ใน “แกรนด์ แคนยอน” บนดาวอังคาร โดยการค้นพบนี้อาจเปลี่ยนความคิดของปริมาณน้ำที่ยังเหลืออยู่บนดาวเคราะห์สีแดงแห่งนี้ เพราะปริมาณน้ำที่ซุกซ่อนตัวอยู่ในบริเวณนี้มีมากกว่าที่คิด

ภาพบน: หุบเขา Valles Marineris ใกล้กับเขตร้อน(เส้นศูนย์สูตร) บนดาวอังคาร

โดยผลจากการสแกนโดยยาน Trace Gas Orbiter ขององค์การอวกาศยุโรปหรือ ESA พบว่าในบริเวณหุบเขาที่เรียกได้ว่าเป็น “แกรนด์ แคนยอน” แห่งดาวอังคารนี้กว่า 40% ของพื้นที่นั้นดูเหมือนว่าจะมีน้ำอยู่ข้างใต้ ซึ่งผลการค้นพบในครั้งนี้สร้างความประหลาดใจให้กับนักวิทยาศาสตร์ เพราะว่าด้วยอุณหภูมิที่สูงบริเวณเขตร้อนของดาวอังคารนี้ทำให้ไม่ค่อยพบแหล่งน้ำในบริเวณนี้

ภาพบน: ผลการสแกน Heat map ซึ่งจะบอกถึงปริมาณไฮโดรเจน(ธาตุองค์ประกอบของน้ำ) ที่มีในบริเวณ Valles Marineris โดยสีโทน ม่วง-น้ำเงิน หมายถึงบริเวณที่น่าจะมีน้ำอยู่ในปริมาณมาก

ทั้งนี้ปัจจุบันเราจะไม่พบน้ำในสถานะของเหลวไหลเป็นแม่น้ำบนดาวอังคารเนื่องจากแรงดันบรรยากาศที่ต่ำมากประมาณ 0.01 เท่าของบรรยากาศโลกซึ่งจะทำให้น้ำเดือดกลายเป็นไอแทบทันทีด้วยจุดเดือดที่ต่ำเพียง -4.6 องศาเซสเซียส (เย็นเป็นน้ำแข็งบนโลกแต่เดือดกลายเป็นไอจนหมดที่ดาวอังคาร)

สำหรับการค้นพบครั้งนี้เป็นผลจากโครงการ ExoMars ของ ESA ที่มุ่งสำรวจดาวอังคารเพื่อหาคำตอบว่ามีโอกาสที่จะมีสิ่งมีชีวิต หรือเคยมีสิ่งมีชีวิตอยู่บนดาวอังคารมาก่อนหรือไม่

โดยภารกิจนี้ประกอบด้วย 2 ส่วนคือ

  • ส่วนแรก: การสำรวจด้วยยานสำรวจในวงโคจร the Trace Gas Orbiter ซึ่งถูกส่งขึ้งปฏิบัติภารกิจไปเมื่อปี 2016
  • ส่วนที่2: rover and surface platform ซึ่งเป็นแผนในการส่งยานสำรวจภาคพื้นดินไปยังดาวอังคาร โดยมีแผนส่งยาน Rover ขึ้นสู่อวกาศภายในปี 2022 ก่อนจะลงจอดในปี 2023 เพื่อทำการสำรวจเชิงลึกภาคพื้นดิน

ภาพบน: ยานสำรวจ Trace Gas Orbiter ที่มาของข้อมูลการค้นพบในครั้งนี้

ซึ่งข้อมูลการสำรวจในครั้งนี้ได้มาจากยาน Trace Gas Orbiter ซึ่งติดตั้งอุปกรณ์ตรวจจับอนุภาคนิวตรอนที่มีความเป็นกลางทางไฟฟ้า เพื่อใช้มองหาน้ำที่ซ่อนอยู่ใต้ผืนดาวได้ โดยอุปกรณ์ที่ว่านี้มีชื่อว่า FREND ที่มีความละเอียดในการตรวจจับสูงกว่ายานสำรวจรุ่นก่อนหน้าในระดับ spatial resolution ทำให้สามารถยืนยันการมีอยู่ของแหล่งน้ำใต้ดินในบริเวณเขตร้อนของดาวอังคารในครั้งนี้ได้

การค้นพบครั้งนี้นับว่ามีความสำคัญและสร้างความหวังในการไปตั้งอาณานิคมบนดาวอังคาร เพราะเราไม่ต้องไปอยู่แถวขั้วดาวเพื่อเข้าใกล้แหล่งน้ำ และการตั้งถิ่นฐานในบริเวณเขตร้อนย่อมมีข้อได้เปรียบมากกว่าด้วยสภาพภูมิอากาศที่เลวร้ายน้อยกว่าแถวขั้วดาว

******************************************************************************************

ทุกวันนี้เรามีความรู้ความเข้าใจในดาวเคราะห์สีแดงดวงนี้มากขึ้นและไม่แน่ว่าในอนาคตมันอาจจะเป็นบ้านหลังใหม่ให้กับลูก-หลานของเราก็เป็นได้

อ้างอิง

https://interestingengineering.com/scientists-just-found-a-significant-volume-of-water-inside-mars-grand-canyon

https://www.esa.int/Science_Exploration/Human_and_Robotic_Exploration/Exploration/ExoMars/ExoMars_discovers_hidden_water_in_Mars_Grand_Canyon