หลังจากที่กรมสรรพากรได้เปิดรับฟังความเห็นเรื่องการเก็บภาษีคริปโทจากหลายฝ่ายแล้ว มาวันนี้ก็มีข้อสรุปเบื้องต้น หักลบกำไรขาดทุนได้ ยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีหัก ณ ที่จ่าย 15%

การประกอบธุรกิจและการลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลมีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็วมากโดยเฉพาะในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันเพิ่มขึ้นจาก 240 ล้านบาท เป็น 4,439 ล้านบาท มูลค่าทรัพย์สินของลูกค้าเพิ่มขึ้นจาก 9,600 ล้านบาท เป็น 114,539 ล้านบาท และมีจำนวนบัญชีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นจาก 1.7 แสนราย เป็น 1.98 ล้านราย รวมถึง วิวัฒนาการเทคโนโลยี ผลิตภัณฑ์ และรูปแบบการทำธุรกรรมต่างๆ มีความหลากหลายและปรับเปลี่ยนรวดเร็ว มากตลอดเวลา กรมสรรพากรจึงได้ดำเนินการในส่วนที่มีอำนาจหน้านำเสนอเพื่อให้มีการปรับเปลี่ยนในบางประเด็นเพื่อรองรับกับรูปแบบธุรกรรมใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น

สร้างความชัดเจน

ทางกรมสรรพากรได้มีกำหนดรูปแบบของภาษีเงินได้ภายใต้กฎหมายปัจจุบัน โดยมีแนวทางดังนี้

  • การจัดประเภทเงินได้ให้ชัดเจน โดยระบุประเภทเงินได้และผลประโยชน์ให้ครอบคลุมกำไร /รายได้จากการโอน/ผลประโยชน์อื่นใดจากสินทรัพย์ดิจิทัล
  • วิธีการคำนวณต้นทุนโดยใช้วิธีมาตรฐานการบัญชีรับรอง ทำได้ ๒ วิธี คือ วิธีเข้าก่อนออกก่อน (FIFO) หรือวิธีต้นทุนถัวเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average Cost) โดยสามารถเปลี่ยนวิธีคำนวณในปีถัดไปได้
  • การวัดมูลค่าสินทรัยพ์ดิจิทัล ณ เวลาที่ได้มา หรือราคาถัวเฉลี่ยในวันที่ได้มา

ทั้งนี้รายละเอียดต่างๆ จะมีอยู่ในคู่มือการชำระภาษีของผู้มีเงินได้จากการซื้อขายสินทรัพย์ ดิจิทัล ซึ่งทางกรมสรรพากรก าลังพิจารณาร่วมกับ สมาคมสินทรัพย์ดิจิทัลไทย และสมาคมการค้า ผู้ประกอบการธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลไทย และจะเผยแพร่ในวันจันทร์ที่ 31 มกราคม 2565

ผ่อนปรน

กรมสรรพากรได้มีแนวทางผ่อนปรนหลายประการ ภายใต้กฎหมายปัจจุบัน และยังอยู่ภายในขอบเขตอำนาจหน้าที่ของกรมสรรพากรที่สามารถดำเนินการได้ โดยแบ่งออกเป็นใน เรื่องของภาษีเงินได้ ภาษีหัก ณ ที่จ่าย และภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามรายละเอียด ดังนี้

  • การคำนวณภาษีเงินได้พึงประเมิน (กำไร) นั้น ทางกรมสรรพากรจะเสนอให้ออกกฎกระทรวง เพื่อให้นำผลขาดทุนมาหักกลบกับกำไรได้ในปีภาษีเดียวกัน ซึ่งจะสามารถเข้า เงื่อนไขนี้เฉพาะ ผู้ประกอบธุรกิจ หรือ Exchange ที่อยู่ภายใต้การก ากับดูแลของส านักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เท่านั้น
  • ภาษีหัก ณ ที่จ่ายนั้น กรณีธุรกรรมที่กระทำผ่าน Exchange ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ก.ล.ต. จะไม่สามารถระบุตัวตนผู้รับเงิน และไม่ทราบจำนวนเงินได้ที่ต้องหัก ณ ที่จ่าย ทำให้ไม่ครบองค์ประกอบการหักภาษี ณ ที่จ่าย จึงไม่จำเป็นต้อง หักภาษี ณ ที่จ่ายไว้แต่อย่างใด
  • ภาษีมูลค่าเพิ่ม กรมสรรพากรจะเสนอพระราชกฤษฎีกาให้ยกเว้น VAT สำหรับธุรกรรม ที่ทำผ่านผู้ประกอบธุรกิจ หรือ Exchange ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และสินทรัพย์ดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย

ทิศทางในอนาคต

ทางกรมสรรพากรจะร่วมมือกับหลายๆฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการแก้กฎหมายในอนาคตเพื่อให้สอดคล้องและเหมาะสม ยกตัวอย่างเช่น การแก้ประมวล รัษฎากรมาตรา ๕๐ เกี่ยวกับภาษีหัก ณ ที่จ่าย โดยให้ผ่าน ผู้ประกอบธุรกิจ หรือ Exchange เป็นผู้หักและนำส่งสรรพากร หรือเปลี่ยนประเภทการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นภาษีธุรกิจเฉพาะ (Financial Transaction Tax)  สำหรับสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีลักษณะเป็นหลักทรัพย์ เป็นต้น ทั้งนี้ต้องดูความเหมาะสมและ บริบทต่าง ๆอีกครั้ง

การได้ข้อตกลงที่ทุกฝ่ายยอมรับจะช่วยให้กฎหมายภาษีอากรไม่เป็นอุปสรรคต่อการเติบโตของธุรกิจสินทรัพย์ ดิจิทัลไทย และยังคงรักษาหลักการจัดเก็บภาษีอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม โดยยึดถือประโยชน์สูงสุดต่อ ประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญ

ที่มา ข่าวสรรพากร