หมดยุคจิ้มจอ แล้วรึเปล่าน้า งานวิจัยล่าสุดทำให้จินตนาการต่อยอดไปถึงไหนๆ อย่างการจิ้มน้ำแข็งก้อนใหญ่ๆ อย่างที่โนเกียทำเนี้ยะ ต่อไปโอกาสจะเลียจอคงมี อี๋…
นักวิจัยจากศูนย์วิจัยโนเกียที่เมือง Tampere ประเทศฟินแสนด์ได้เปลี่ยนกำแพงน้ำแข็งให้กลายเป็นจอระบบมัลติทัชสกรีนขนาดใหญ่โดยใช้เครื่องส่งอินฟราเรดและเครื่องตรวจจับอินฟราเรดเป็นตัวจับการเคลื่อนไหวและตำแหน่งของมือ ส่วนคนที่กลัวเรื่องน้ำแข็งกัดหรือกลัวมือจะแข็งก็ไม่ต้องห่วงเพราะระบบสัมผัสรองรับทั้งมือเปล่าและถุงมือค่ะ ผลจากการศึกษาโนเกียอาจจะนำไปใช้ต่อยอดหลักการ ubiquitous computing คือ การนำคอมพิวเตอร์เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการดำรงชีวิต โดยฝังตัวอยู่ในรูปของเครื่องใช้ต่าง ๆ เช่น เครื่องแต่งกาย เครื่องมือสื่อสาร ยานพาหนะเครื่องอำนวยความสะดวกในบ้าน
ด้วยที่ฟินแลนด์เป็นประเทศเมืองหนาว มีน้ำแข็งอยู่เต็มไปหมดเลยไม่ต้องห่วงเรื่องนำแข็งไม่พอ ทางโนเกียได้ใช้บริการของบริษัทในพื้นที่จัดหาน้ำแข็งจากแม่น้ำขนาด 50 เซนจำนวนหนึ่งตัน แล้วนำมาตัดให้เหลือเป็นก้อนขนาด 25 เซนโดยใช้เลื่อยและเครื่องมือแกะน้ำแข็ง แล้วนำไปติดรวมกันจนได้กำแพงขนาด 2 x 1.5 เมตร โดยใช้น้ำและหิมะเป็นตัวเชื่อม ส่วนผิวหน้าใช้ปืนไฟพ่นปรับให้ผิวเรียบและทำให้รอยต่อต่างๆกลายเป็นเนื้อเดียวกันเพื่อง่ายต่อการสัมผัสอย่างราบลื่น
ด้านหลังกำแพง นักวิจัยได้ติดตั้งไฟและกล้องอินฟราเรดส่องไปยังกำแพง โดยปรับโฟกัสกล้องให้ส่องทะลุตกไปยังผิวด้านหน้าของน้ำแข็ง เมื่อมีคนเอามือมาสัมผัสผิวหน้าของน้ำแข็ง แสงก็จะสะท้อนกลับไปยังกล้องแล้วคอมพิวเตอร์ก็จะแปลงสัญญาณเป็นตำแหน่งที่สัมผัส ขนาดของมือ และการเคลื่อนไหว หลังจากนั้นก็จะประมวลผลส่งต่อไปยังโปรเจคเตอร์แสดงผลเป็นภาพเคลื่อนไหวออกมา
จุดด้อยที่ยังต้องห่วงก็คือ ความร้อนจากโปรเจคเตอร์อาจทำให้นำแข็งละลายได้ และระบบสัมผัสทำงานเมื่อใช้มือเปล่าได้ดีกว่าสวมถุงมือ
[youtube http://www.youtube.com/watch?v=7RpcC1CKFdY&w=480&h=390]