ในที่สุดคนไทยก็มีนาฬิกาอัจฉริยะเป็นของตนเองเสียที แถมยังได้ไปเปิดตัวในงานระดับโลกอย่าง CES 2014 แลพิชิตรางวัลกลับมาอีกด้วยแนะ น่าภูมิใจเสียจริงเชียว

d991fc8

Wellograph แบรนด์ไทยเราทำได้ถือกำเนิดและเปิดตัวไปเมื่อปี 2014 ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีมากทั้งคนไทยและชาวต่างชาติที่ได้ลองเล่นลองสัมผัสการใช้งาน ทั้งด้านการดีไซด์ การใช้งานและคุณสมบัติต่างๆ ที่ใส่เข้ามาไว้ในตัวเรือนก็สามารถตอบสนองต่อความต้องการผู้สวมใส่ได้อย่างครบครันกันเลยทีเดียว

DSC_3191_1

สิ่งที่เด่นสุดเมื่อยามแรกเห็นก็น่าจะเป็นรูปทรงตัวเรือนอันเป็นเอกลักษณ์ หน้าจอสี่เหลี่ยมไม่เล็กไม่ใหญ่ใส่ได้ทั้งบุรุษและอิสตรี ด้านสายหนังก็ปราณีตมากเป็นการออกแบบให้ใช้งานได้ครอบคลุมทุกสถานกาณ์ ทำงาน ไปเที่ยวหรือแม้แต่การออกกำลังกาย Wellograph มีวางจำหน่ายอยู่ด้วยกันสองสี Black Edition กับ Silver  อีกอย่าง Wellograph นั้นมีคุณสมบัติเด่นหลายด้านนอกเหนือการใส่เพื่อดูเวลาและเสริมสร้างบุคลิกภาพ Wellograph มาพร้อมด้วยสเปค

–   ขนาดตัวเรือน 41 x 33 x 12.5 mm. น้ำหนัก 55 กรัม

–   ตัวเรือนผลิตมาจากอะลูมิเนียม กระจกหน้าจอเป็นแบบ Sapphire Crystal

–   รองรับการทำงาน Bluetooth 4.0

–   มีเซนเซอร์ตัวตรวจจับการเคลื่อนไหวอยู่ด้วยกันถึง 9 แกนและเซนเซอร์แบบ Heart Rate อีก 3 แกน

–   บันทึกข้อมูลต่างๆ ของผู้ใช้ได้นานถึง 4 เดือน

–   กันน้ำลึกได้มากสุด 50 เมตร

–   แบตเตอรี่ขนาด 210 mAH. อยู่ได้นานถึง 7 วัน ต่อการชาร์จไฟ 1 ครั้ง

–   รองรับการทำงานผ่านระบบได้ทั้ง Android , iOS , Windowphone

Wellograph

รูปทรงและลักษณะการใช้งาน

Wellograph  เป็น   Smartwatch   ที่ผลิตออกมาแบบไม่ตามใครเน้นการใช้งานเกี่ยวกับสุขภาพเป็นหลักตามคอนเซป The Wellness  Watch  กล่าวคือทางบริษัทผู้ผลิตและนักพัฒนานั้นทาง  Wellograph  เล่งเห็นว่าการที่Smartwatch มีการแจ้งเตือนให้ผู้ใช้ได้ทราบถึงข้อมูลต่างๆที่ถูกส่งเข้ามานั้นซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนั้นยังไงก็เป็นการดึงข้อมูลมาจากทางโทรศัพท์มือถือไม่ได้มาจากทางนาฬิกาโดยตรง ซึ่งดูแล้วจะเสียเวลามาดูผ่านหน้าจอเล็กๆทางข้อมือทำไม อ่านก็ยาก ข้อมูลก็ไม่ครบสุดท้ายก็ต้องกลับไปเปิดมือถือขึ้นมาอ่านข้อมูลทั้งหมดที่ถูกส่งมาอยู่ดี  Wellograph  เลยตัดปัญหาตัวนี้ทิ้งไปผลิต Smartwatch  ที่ให้ความสำคัญต่อสุขภาพอย่างเดียวไปเลย และเพื่อให้ความเป็นนาฬิกาที่ไม่ใช่ Gadget จนเกินไป จึงทำให้เจ้า Wellograph จึงมีหน้าจอเป็นE-ink ขาวดำเหมือนใน Pebble นั้นเอง เพื่อให้ผู้ที่ได้สวมใส่เกิดความรู้สึกที่คุ้นเคยเหมือนนาฬิกาที่มีอยู่ทั่วไป

PhotoGrid_1421948533408

รูปทรงนั้นตัว Wellograph ออกมาเป็นทรงสีเหลี่ยมโค้งมนเพื่อให้รับกับข้อมูลผู้สวมใส่เล็กน้อย สายรัดข้อมือเป็นหนังแต่มีให้เปลี่ยนเพื่อเน้นการออกกำลังกายโดยเฉพาะคือสายแบบ Nato ที่จะระบายเหงื่อและคราบน้ำได้ดีกว่าสายปรกติ การคอนโทรลมีแค่สองปุ่มด้านข้างด้านบนและด้านล่าง ใช้งานได้ง่ายเปรียบเสมือนปุ่ม Select & Enter การใช้งานมีเทคนิคกดปุ่มง่ายๆอยู่ด้วยกัน 3 แบบคือ 1. กดปุ่มค้างไว้เป็นการเปิดและปิด Bluetooth 2. กดปุ่มล่างและปุ่มบนพร้อมกันจะเป็น Back 3. กดปุ่มล่างค้างไว้หน้าจอจะกลับไปที่หน้า Home Screen

DSC_3141_1

ส่วนทางด้านหลังตัวเรือนนั้นมีเซนเซอร์ ตรวจจับการเคลื่อนไหวและวัดค่าชีพจรต่างๆของผู้ใช้ได้อย่างแม่นยำ เพราะใช้เทคโนโลยีตัวเดียวกันกับวัดสุขภาพภายในโรงพยาบาลนั้นเอง ถัดมาจากตัววัดเซนเซอร์นั้น เป็นจุดขั้วไฟทองแดงเอาไว้ชาร์จไฟผ่านแท่นชาร์จ ซึ่งแถมมาให้ด้วยในตัวกล่อง

PhotoGrid_1421948381676

ด้านแท่นชาร์จไฟก็มีลักษณะเป็นแม่เหล็กวางนาฬิกาไว้ในลักษณะแนวนอน พร้อม Rotate หน้าจอให้เป็นแนวนอนพร้อมบอกเวลาและเปอร์เซ็นระดับค่าไฟไปในตัว มาดูลักษณะการใช้งานบ้างดีกว่า Wellograph มาพร้อมเมนูบนหน้าจอแยกออกเป็นได้ 6  เมนูใหญ่

PhotoGrid_1421949002463

Home Screen : เป็นหน้าจอหลักซึ่งเอาไว้ดูเวลาทั่วไปมีย่อยออกมาให้เลือกเป็นหน้าจอหลักได้ถึง 3 แบบ แบบแรก Analog แบบที่สอง Digital พร้อมจำนวนก้าวในการเดิน แบบที่สาม Digital พร้อมวันที่สถานะแบตและคะแนนหัวใจ

PhotoGrid_1421949050909

Activity :  คือโหมดที่เจ้า Wellograph จะบอกถึงลักษณะการใช้ชีวิตประจำวันของผู้สวมใส่ ว่าในวันนึง ผู้ใช้นั้งนิ่งมาเกินไหม ขยับส่วนต่างๆ จากร่างกายมากแค่ไหน ร่างกายได้เผาผลาญแคลลอรี่ไปแล้วกี่เปอร์เซ็น จากนั้นแล้วก็จะประมวลผลออกมาเป็นค่ากราฟ ให้ผู้ใช้ได้ประมวลผลตัวเองอีกที สามารถวัดได้เป็นวันและสัปดาห์ เหมาะสำหรับคนที่จะคุมน้ำหนักมาก

PhotoGrid_1421949285657

Pulse : โหมดการจับคลื่นชีพจรหรืออัตราการเล่นของหัวใจ โดยในโหมดนี้จะแบ่งการแสดงออกได้หลายวิธีและมี Gimmick เล็กเพื่อเป็นคะแนนให้ผู้ใช้ได้ทำการทดสอบตัวเอง เช่น ในโหมดย่อยจะมีฟีเจอร์ทั้งหมด 3 ตัวคือ BPM , Exercise , Fitness  โดยทั้ง 3 ฟีเจอร์นี้ จะแสดงค่าเฉลี่ยและให้คะแนนในขณะที่ผู้ใช้กำลังออกกำลังกายว่าเราฟิตมากน้อยแค่ไหน แล้วก็จะประเมินเทียบกับอายุของเราว่า ตอนนี้ผู้ใช้อายุ 35 แต่ค่าเฉลี่ยความฟิตของร่างกายและหัวใจนั้นเท่ากับระดับคนอายุ 25 ก็เป็นลูกเล่นกลไกที่ทาง Wellograph ใส่มากระตุ้นการออกกำลังกายของผู้ใช้ให้มีความสนุกมากขึ้น

DSC_3179_1

 Steps : โหมดจับจำนวนการก้าวเดิน ในแต่ละวัน ว่าได้ที่ก้าว เดินไปกี่กิโลเมตรแล้ว แถมยังสามารถเทียบกับจำนวนในวันที่ผ่านมาได้ด้วยว่าต่างกันแค่ไหน

PhotoGrid_1421949331516

Walk & Run :  โหมดจับเวลาทั้งการเดินและการวิ่ง เหมาะสำหรับการออกกำลังกายแบบ Cardio มีค่าเฉลี่ยบอกครบถึงจำนวนการวิ่ง การเดิน และแคลลอรี่ที่ผลาญไปได้   

PhotoGrid_1421949389368

Setting : การตั้งค่าเบื้องต้นให้กับนาฬิกา เช่น เสียง บลูทูธ ไฟ เปิดปิดเครื่อง ประวัติผู้ใช้ และ Reset ค่าเครื่องเริ่มต้นใหม่

PhotoGrid_1421948673788

Wellograph ยังสามารถ Sync ข้อมูลต่างๆ ทาง Bluetooth ของผู้ใช้ผ่าน App ที่ชื่อว่า Wellograph ได้อีกด้วย รองรับการทำงานได้ถึง 3 ระบบ ทั้ง Android , IOS , Windowphone โดยฟีเจอร์และการทำงานก็จะคล้ายๆที่ผู้ใช้ดูบนนาฬิกา ลักษณะรูปร่างหน้าตาใน App นั้นก็ออกแบบได้สีสวยดูสบายตาผู้ใช้มากเลยทีเดียว

PhotoGrid_1421948863600

ในการใช้งานผู้ใช้ก็สามารถตั้งค่าประวัติส่วนตัว ใส่รูปภาพ  ตั้งเวลาวันที่ ในการออกกำลังกายผ่าน Smartphone แล้วให้ Sync ลงมายัง Wellograph ก็ทำได้ สะดวกกว่าอีกต่างหาก

PhotoGrid_1421948841149

PhotoGrid_1421948797556

ในหมวดการใช้งานก็แบ่งคล้ายๆ ในนาฬิกาคือ Activity , Heart , Sessions ซึ่งก็จะวัดค่าเฉลี่ยค่าต่างๆ ของการออกำลังกาย วิ่ง เดิน เผาผลาญพลังงานมากน้อยแค่ไหน ก็ดูและบันทึกขัอมูลเก็บไว้เทียบค่าเฉลี่ยกับปัจจุบันก็ทำได้

DSC_3132_1

สรุปการใช้งานและความคิดเห็นส่วนตัว

การใช้งานนั้นง่ายไม่ได้ยุ่งยากแต่อย่างใดใช้งานแค่ 2 ปุ่ม Select & Enter เท่านั้น เมนูฟังค์ชั่น ฟีเจอร์ต่างๆ ก็เข้าถึงไม่ซับซ้อน สับสนให้ผู้ใช้งานได้งงเป็นไก่ตาแตกกัน หน้าจอถึงแม้จะเป็นขาวดำ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความรู้สึกแตกต่างจากจอสีมากเท่าไรเลย กลับกลายเป็นการถนอมสายตาให้กับทางผู้ใช้ได้อีกต่างการ อีกอย่างคือเป็นหน้าจอแบบ Clear Black คือดูได้ทุกสภาวะแสง แสงมาก แสงน้อย ก็ชัดเจนทุกมุมมอง แถมยังมีหลอดไฟ 2 ดวงเล็กๆ ส่องให้ดูหน้าจอยามค่ำคืนได้อีกด้วย ทั้งหมดนี้เลยทำให้เจ้า Wellograph นั้นประหยัดพลังงานได้อย่างมากมายมหาศาล ชาร์จครั้งเดียวใช้งานได้ถึง 7 วัน หรือหากเปลี่ยนเป็นโหมดดูนาฬิกาเพียงอย่างเดียวโดยที่ไม่ต้องสนใจเรื่องการวัดต่างๆ ก็อาจทำให้ใช้งานได้เป็นเดือนๆ เลยทีเดียว เอาซิทำเป็นเล่นไป และที่น่าสนใจถือว่าเป็นจุดขายเลยก็คือ กันน้ำได้ลึก ถึง 50 เมตรแนะ แต่แนะนำว่าหากนำไปลงทะเล ทุกครั้งที่เล่นเสร็จควรล้างด้วยน้ำเปล่าอีกรอบ เพื่อไม่ให้เกลือเกาะตามนาฬิกา เพราะอาจทำให้เกิดการกัดกร่อนตัวเรือนและสายได้

ข้อดี

–  Smartwatch ตัวแรกที่เป็นออกแบบโดยคนไทย และส่งขายออกไปทั่วโลก แถมได้รับรางวัล INNOVATIONS DESIGN AND ENGINEERING AWARDS 2014 จากงาน CES 2014 ที่ลาสเวกัส สหรัฐอเมริกา

–  รูปทรง ลักษณะ สวยหรู เรียบง่าย ใส่ได้ทุกโอกาส ทั้งชายและหญิง แหมแต่เด็กเองก็ใส่ได้

–  การวัดค่าเฉลี่ยที่ค่อนข้างแม่นยำ และครอบคลุมการใช้งานทุกรูปแบบ

–  กันน้ำได้และดำน้ำได้ลึกมากถึง 50 เมตร

–  กระจกตัวเรือนเป็นแบบ Sapphire Crystal ทนต่อการใช้งานทุกสภาพ

–  รองรับระบบปฏิบัติทุกระบบ ทั้ง Andriod , iOS , Windowphone

ข้อเสนอแนะ

–  อนาคตอันใกล้น่าจะมีตัวสายที่เป็นเหล็ก หรือเป็นอุปกรณ์เสริมขายแยกทำให้ผู้ใช้สามารถหาซื้อเพิ่มมาใส่จากของเดิมได้ไม่ยาก หรือตัวเรือนที่เป็นสีอื่นมากกว่านี้เพื่อขยายฐานลูกค้าออกไปให้ได้ จะเป็นสีทอง หรือสีขาวได้ก็ยิ่งดูดี

–  หน้าจอหากเพิ่มขนาดหรือออกแบบรูปทรงเป็นทรงกลมเพิ่มเติมเข้าไปอีก ก็น่าจะเป็นอะไรที่ลงมากกว่านี้

–  การชาร์จผ่านแท่นที่ให้มานั้น บางจังหวะหรือหลายๆครั้งที่ไม่ลงเขี้ยวตัวชาร์จพอดี ผู้ใช้ยังต้องเลื่อนให้ตรงพอดีจุดไม่ หากรุ่นต่อไปทำออกมาให้พอดีรับเสมอแท่น ก็จะเป็นอะไรที่ไม่ยุ่งยาก

[youtube]https://www.youtube.com/watch?v=jMOVpACs2Jo[/youtube]

 

บทส่งท้าย

Wellograph แบรนด์ไทยเราทำนั้นอนาคตไกลแน่นอน ดูจากการตอบรับจากต่างชาติ และสนองความตื่นเต้นที่คนไทยได้ยลโฉม เป็นอีกก้าวสำหรับนักพัฒนา และนักคิดใจเชิงอุตสาหกรรมในรุ่นต่อๆไป เพื่อประกาศให้ทั่วโลกได้ทราบว่าคนไทยก็มีความสามารถไม่แพ้ชาติอื่น แถมเก่งกว่าได้ซิ ส่งเสริมการขายกันหน่อยพวกเรา

Via : Wellograph.com  , Youtube

ผู้เรียบเรียง : NuTty m00yAi