ตอนนี้หลายบริการของภาครัฐได้เริ่มเข้าสู่ดิจิทัลแล้วแต่หลายคนยังไม่รู้ว่ามีอะไรบ้าง ทางสำนักงานพัฒนาอิเลคทรอนิกส์ (องค์กรมหาชน) DGA จัดงาน Digital Government Summit 2019 โชว์เทคโนโลยีบริการภาครัฐที่ประชาชนสามารถใช้งานได้แล้ว
งาน Digital Government Summit 2019 จัดขึ้นที่ลานอีเดน ศูนย์การค้า Central World ระหว่างวันที่ 18-19 มกราคมนี้ ซึ่งในงานนี้จะแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ ส่วนงานสัมมนาจากเหล่าวิทยากรที่น่าสนใจ และส่วนของ DG Village ที่นำบริการของภาครัฐมาจัดแสดง
แนวคิดการครั้งนี้คือ 3D คือ Digital, Data และ Design ซึ่งทำให้ประชาชนเห็นภาพรวมและทิศทางของรัฐบาลยุค 4.0 ว่าจะนำเทคโนโลยีมาใช้อำนวยความสะดวกด้านใดให้กับประชาชนบ้าง รวมถึงมีการเปิดตัวแอป CITIZENinfo ช่วยให้ประชาชนติดต่อหน่วยงานภาครัฐสะดวกขึ้น ลดการใช้เอกสารที่เป็นกระดาษอย่างสำเนาบัตรต่างๆ ด้วยการเซ็น MOU ร่วมกันระหว่าง 19 กระทรวงเพื่อให้การดำเนินงานไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งปัจจุบันมีหน่วยงานที่ยกเลิกการใช้งานสำเนาบัตรแล้ว 20 กระทรวง (ครอบคลุม 151 หน่วยงานทั่วประเทศ)
CITIZENinfo
CITIZENinfo นั้นจะเป็นตัวช่วยใหม่ในการนำเสนอบริการของภาครัฐ, ค้นหาจุดบริการของภาครัฐที่ใกล้บ้าน, แสดงพิกัดและเส้นทางการเดินทาง, แสดงพิกัดว่าจุดไหนยกเลิกใช้สำเนาบัตรที่เป็นกระดาษแล้วบ้าง, แสดงขั้นตอนการให้บริการในเรื่องต่างๆ รวมถึงประเมินความพึงพอใจต่อการให้บริการของภาครัฐได้ด้วย ซึ่งในอนาคตจะต่อยอดให้เป็นเสมือน One Stop Service ของหน่วยงานภาครัฐ เข้ามาทีเดียวจบ ใช้งานเรื่องอื่นๆได้เพิ่มขึ้นอีก เช่น เช็คสวัสดิการภาครัฐ เช็คยอดเงินในบัตรสวัสดิการภาครัฐและเข้าถึงข้อมูลเอกสารดิจิทัลที่ออกโดยหน่วยงานราชการ
BIZ Portal
อันนี้จะเป็นศูนย์กลางบริหารภาครัฐเพื่อภาคธุรกิจที่ต้องการติดต่อหน่วยงานรัฐผ่านออนไลน์แบบ One Stop Service ไม่ว่าจะเป็นการให้ข้อมูล, การขอใบอนุญาตต่างๆ 40 ใบอนุญาตจาก 12 หน่วยงาน ,ตรวจสอบสถานะการขอใบอนุญาต ทำได้ในที่เดียว ไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง
e-Tax-INVOICE & e-Receipt
บริการของกรมสรรพากรที่จัดทำขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการ ช่วยทำเอกสารในรูปแบบดิจิทัล ทั้งข้อมูลใบกำกับภาษี, ใบเสร็จรับเงิน
การให้ข้อมูลภาคประชาชน
แน่นอนว่าการนำเทคโนโลยีมาใช้จะช่วยให้มีความโปร่งใสตรวจสอบได้ ซึ่งทางภาครัฐก็มีเว็บไซต์ govspending.data.go.th สำหรับให้ข้อมูลกับประชาชนว่าภาษีที่ได้มาั้นมาจากช่องทางไหนบ้าง แล้วนำเงินเหล่านี้ไปใช้ทำอะไร แสดงถึงรายรับ-รายจ่ายของภาครัฐ
Blockchain
ในส่วนของบล็อกเชนก็มีการนำไปประยุกต์ใช้หลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านสาธารณะสุขในการเก็บข้อมูลของคนไข้ ประวัติการรักษา เวลาที่ผู้ป่วยต้องย้ายโรงพยาบาล การส่งต่อข้อมูลจะมีความรวดเร็วและถูกต้องแม่นยำ ทำให้แพทย์เตรียมการรักษาต่อได้อย่างรวดเร็ว ด้านการศึกษาก็นำมาประยุกต์ใช้กับใบแสดงผลการเรียน ทำให้ปลอมแปลงได้ยาก ตรวจสอบได้ แก้ปัญหาการใช้วุฒิปลอม
นอกจากนั้นก็ยังมีการทำมาใช้กับแอปลงคะแนนเลือกตั้ง โดยเราจะต้องทำการสแกนใบหน้าผ่านแอปก่อนใช้งาน จากนั้นก็ลงคะแนนได้ทันที เสร็จแล้วเราจะได้ QR Code สำหรับสแกนตรวจสอบข้อมูล
ด้านสุขภาพ
ในฟากของสุขภาพก็มี LINE official Account ชื่อว่า MOPH Connect เป็นช่องทางรับข้อมูลข่าวสารด้านสุขภาพจากกระทรวงสาธารณะสุข แค่เพิ่มเพื่อนบนไลน์ก็ใช้งานได้ทันทีไม่ต้องลงแอปใหม่ ส่วนฟีเจอร์การใช้งานอยู่ 6 ด้านก็คือ
- ค้นหาหน่วยงานบริการ (โรงพยาบาล/คลินิก/ร้านขายยา โดยเลือกหาจากชื่อหรือระยะทาง)
- ตรวจสอบสิทธิรักษาพยาบาล (ประกันสังคม/บัตรทอง/บัตรข้าราชการ) เชื่อมต่อข้อมูลแบบ Real-time กับเว็บของ สปสช.
- บริการจองคิวเข้ารับบริการของโรงพยาบาลภายใต้กระทรวงสาธารณะสุข ซึ่งตอนนี้รองรับ 20 หน่วยงานทั่วประเทศและจะเพิ่มจำนวนให้มากขึ้นอีก
- บริการขอความช่วยเหลือฉุกเฉิน 1669
- บริจาค จะแบ่งเป็นบริจาคดวงตาและบริจาคเงินให้องค์กรการกุศล ซึ่งอย่างหลังจะเชื่อมต่อกับกรมสรรพากร บริจาคเสร็จได้ใบลดหย่อนภาษีให้ทันที
- บริการพิเศษอื่นๆ เช่น ติดต่อหน่วยงานในกระทรวงสาธารณะสุข, ขอความรู้เรื่องยา, ความรู้เรื่องของสุขภาพ
GNEWS
แอปเช็คข่าวสารจากหน่วยงานราชการ ซึ่งข่าวทั้งหมดจะมาจากภาครัฐโดยตรง ข้อมูลถูกต้อง 100% มีความรวดเร็ว ชอบข่าวแนวไหนก็สามารถกดติดตามได้
นอกจากนั้นภายในบริเวณงานยังยกบริการภาครัฐมาเปิดให้บริการ ซึ่งประกอบด้วย
- ทำบัตรประชาชน
- ทำหนังสือเดินทาง
- เช็คข้อมูลเครดิตบูโร
ใครสนใจก็สามารถไปเดินชมได้งถึงวันที่ 19 มกราคมนี้ค่ะ