เนื่องด้วยการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา หรือ Civid-19 ที่ตอนนี้ลุกลามไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว จนทำให้องค์การอนามัยโลกรายงานว่าการแพร่ระบาดของโรคติดต่อจากเชื้อไวรัสโคโรนา หรือ Covid-19 เป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ (Public Health Emergency of International Concern) พร้อมยกระดับการเตือนภัยความเสี่ยงการระบาดไปทั่วโลกของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่อยู่ระดับ “สูงมาก” เนื่องจากยอดผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นและลุกลามไปยังหลายประเทศอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ในประเทศไทยเองก็พบยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นจากเดิม โดยปัจจุบันอยู่ที่ 42 ราย เสียชีวิตแล้ว 1 ราย จากการรายงานข่าวเมื่อวันที่ 1 มี.ค.63 ที่ผ่านมา
จากสถานการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบเป็นวงกว้างจนทำให้ปัจจุบันเริ่มมีผลกับหลายๆ ธุรกิจในประเทศไทยแล้ว วันนี้เราขอพูดถึง 3 ธุรกิจที่ได้รับผลกระทบหลักๆ จากพิษการแพร่ระบาดของโรคติดต่อจากเชื้อไวรัสโคโรนา หรือ Covid-19 ดังนี้
1 ธุรกิจสายการบิน
อุตสาหกรรมการบินนับว่าเป็นธุรกิจด่านแรกๆ ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงเนื่องด้วยปริมาณการเดินทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติในปัจจุบันนี้ลดลงเป็นอย่างมากจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดต่อจากเชื้อไวรัสโคโรนา หรือ Covid-19 ทั้งนี้ช่วงที่ผ่านมามีหลายสายการบินในประเทศที่ปรับลดเงินเดือนพนักงานและผู้บริหารจากผลกระทบดังกล่าว โดยสายการบินไทยประกาศปรับลดเงินเดือนฝ่ายบริหารลง 15-25% และปรับลดค่าพาหนะลง 20-30% เป็นระยะเวลา 6 เดือน ขณะที่สายการบินบางกอกแอร์เวย์ก็ประกาศปรับลดเงินเดือนผู้บริหาร 50% ลดสวัสดิการพนักงาน และขอความร่วมมือช่วย “Leave without pay”
จะเห็นว่าธุรกิจได้รับผลกระทบค่อนข้างรุนแรง ซึ่งต้องรอดูกันว่าไตรมาสแรกของปี 2020 จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางผ่านท่าอากาศยานไทยมีมากน้อยแค่ไหน เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านๆ มา
2 ธุรกิจการท่องเที่ยว
การท่องเที่ยวของประเทศไทย ถือเป็นตัวหลักในการขับเคลื่อเศรษฐกิจไทยเลยก็ว่าได้ และนักท่องเที่ยวชาวจีนเองก็ถือเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาเที่ยวในประเทศไทยมากเป็นอันดับหนึ่ง แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นทำให้นักท่องเที่ยวชาวจีนลดลงเป็นจำนวนมาก สถานที่ยอดฮิตที่มักเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวจีนก็เงียบเหงา สถานการณ์นี้ส่งผลรุนแรงกับการท่องเที่ยวในหลายๆ จังหวัดของประเทศไทย รวมถึงทั้งพ่อค้าแม่ค้าก็ได้รับผลกระทบไปตามๆ กัน
3 ธุรกิจออแกไนเซอร์
การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาเป็นสิ่งที่เรามองไม่เห็น ดังนั้นการอยู่ท่ามกลางผู้คนมากๆ เราไม่มีโอกาสที่จะรู้ได้เลยว่าคนไหนเสี่ยงเป็น คนไหนเสี่ยงแพร่เชื้อ แล้วคนไหนเสี่ยงที่จะต้องได้รับเชื้อไวรัสนี้ ดังนั้นจึงเป็นที่มา ที่ทำให้หลายๆ งานอีเว้นท์ในประเทศไทยต้องยกเลิก หรือ เลื่อนจัดงานออกไปอย่างไม่มีกำหนด ซึ่งปัจจุบันในประเทศไทยมีหลายอีเว้นท์ที่ถูกยกเลิกและเลื่อนกำหนดการออกไป ซึ่งคาดว่าธุรกิจอีเว้นท์น่าจะได้รับผลกระทบไม่น้อยกับธุรกิจด้านอื่นๆ ซึ่งกรณีนี้ไม่ได้มีแค่เพียงในประเทศไทยเท่านั้น แต่ทั่วโลกก็ต่างยกเลิกงานอีเว้นท์ที่ใหญ่ๆ ไปเช่นเดียวกัน
โดยในประเทศไทยอย่างงานวิ่ง Black&White and Run 2020 ซึ่งเดิมมีกำหนดการวิ่งวันที่ 1 มี.ค.63 ถูกเลื่อนออกไปเป็นช่วงเดือนสิงหาคม หรืองานใหญ่อย่างสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 48 จากเดิมจะจัดงานที่เมืองทองธานีปรับเป็น ‘ขายผ่านช่องทางออนไลน์’ แทน เป็นต้น ซึ่งนอกจากนี้ยังไม่ร่วมงานอื่นๆ ที่เกิดขึ้นอีกหลายงาน
สรุป
เราไม่รู้เลยว่าสถานการณ์นี้จะสิ้นสุดลงเมื่อไหร่ แต่ที่เห็นแน่ๆ แล้วคือผลกระทบที่หลายธุรกิจกำลังต้องเผชิญความท้าทาย ดังนั้นช่องทางออนไลน์นอกจากเป็นช่องทางการสื่อสาร ติดตามข้อมูลข่าวสารแล้ว อาจจะเป็นช่องทางที่ช่วยอำนวยความสะดวกหลายๆ ด้านในช่วงเวลาแบบนี้ได้ดีที่สุดก็เป็นได้ หลายคนอาจจะให้มาใช้ช่องทางออนไลน์ต่อยอดธุรกิจของตัวเอง หรือคิดแนวทางใหม่ๆ เพิ่มขึ้นจากเดิมโดยใช้ช่องทางออนไลน์เป็นตัวขับเคลื่อน