จากสถานการณ์ไวรัสโคโรนาที่แพร่ระบาดไปทั่วโรคอย่างรวดเร็ว ได้ส่งผลกระทบกับหลายอุตสาหกรรมทั่วโลกและในประเทศไทย การ์เนอร์ บริษัทวิจัยและให้คำปรึกษา แนะธุรกิจเร่งรับมือแม้ว่าผลที่จะตามมาของการระบาดในครั้งนี้จะเป็นสิ่งที่คาดการณ์ได้ยาก แต่ความเสี่ยงก็ยังคงมี ดังนั้นความสำคัญคือต้องเตรียมพร้อมในการรับมือกับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น

การ์ทเนอร์ ระบุว่า แม้การคาดการณ์ถึงผลลัพธ์จริง ๆ ของสถานการณ์โคโรนาไวรัสจะเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก แต่บรรดาองค์กรธุรกิจอาจจะเริ่มเห็นผลกระทบที่เกิดขึ้นทั่ววงการซัพพลายเชนแล้ว ประกอบไปด้วย

กลุ่มวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ : เกิดการขาดแคลนวัสดุอุปกรณ์ หรือสินค้าสำเร็จรูปที่มีการขนส่งผ่านศูนย์โลจิสติกส์ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ
แรงงาน : อาจเกิดการขาดแคลนพนักงานออฟฟิศ หรือคนงานในโรงงาน เนื่องจากการถูกกักกันโรค หรือจากอาการเจ็บป่วย
การเข้าถึงแหล่งต้นทางของสินค้าหรือการบริการ: เนื่องจากการเดินทางอาจถูกจำกัดในบางพื้นที่ ทำให้เกิดข้อจำกัดในการเข้าถึง ในการเสาะหาธุรกิจหรือโปรแกรมใหม่ ๆ ที่มีคุณภาพเหมาะสมเพื่อธุรกรรมทางธุรกิจ
โลจิสติกส์ : การจัดตั้งศูนย์ขนส่งและซัพพลายเน็ตเวิร์กต่าง ๆ อาจเกิดข้อจำกัดด้านการจัดเก็บและความพร้อมใช้งาน ดังนั้น ถึงแม้ว่าจะมีวัสดุอุปกรณ์พร้อมอยู่ก็ตาม แต่มันอาจจะติดค้างอยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่ง นอกจากนี้ การค้นหาเส้นทางและวิธีการขนส่งแบบอื่นก็จะมีความยุ่งยากขึ้น
ผู้บริโภค : ผู้บริโภคอาจจะระมัดระวังพฤติกรรมการซื้อของตนเองมากขึ้น เนื่องจากกลัวการอยู่ในที่สาธารณะ และอาจมีโอกาสติดเชื้อไวรัสได้ ผู้บริโภคหลายรายอาจจะหันไปซื้อของออนไลน์แทน ซึ่งเรื่องนี้จัดเป็นเรื่องที่ท้าทายเครือข่ายการขนส่งเป็นอย่างมาก

ดังนั้นการ์ทเนอร์จึงแนะว่าการเตรียมความพร้อมเพื่อที่จะรับมือจึงต้องเกิดขึ้น ดังนี้ 1 แผนระยะสั้น คือ ต้องลงมือทำทันที 2 แผนระยะกลาง คือ ต้องลงมือทำในไตรมาสนี้และ 3 แผนระยะยาว คือ จะต้องลงมือทำภายในปีนี้

การรพบาดใหญ่ของไวรสโคโรนาที่เกิดขึนทั่วโลกในเวลานี้ เริ่มส่งผลกระทบในหลากหลายอุตสาหกรรมเป็นวงกว้าง ดังนั้นการเตรียมพร้อมในการรับมือย่อมดีกว่าการแข่งขัน เพราะอาจเป็นช่องทางในการเปิดโอกาสใหม่ ๆ ให้กับองค์กรได้ เมื่อเกิดภาวะชะงักงันในอนาคต