บอกเลยว่ายุคนี้มันถึงเวลาแห่งหูฟังไร้สายแล้ว เพราะว่ามีข้อดีทั้งการใช้งานที่ง่าย สะดวก แถมคุณภาพดี ซึ่งแบรนด์สมาร์ตโฟนชั้นนำตอนนี้ก็มีผลิตหูฟังไร้สายออกมากันอยู่หลากหลายแบรนด์มากในตอนนี้ แต่ในวันนี้เนื่องจากเป็นวันแรกที่ทาง Vivo แบรนด์สมาร์ตโฟนชั้นนำระดับโลกได้วางจำหน่ายหูฟังไร้สาย Vivo TWS Neo อย่างเป็นทางการทั่วประเทศแล้วเป็นที่เรียบร้อย วันนี้เราเลยจะพาทุกคนมารู้จักกับเจ้าหูฟังคุณภาพเสียงทรงพลังระดับสตูดิโอตัวนี้กันว่าเพราะอะไรเราถึงหลงรัก
รูปลักษณ์สวยสะดุดตามาพร้อม 2 สี
อย่างแรกที่ไม่พูดถึงก็คงไม่ได้นั่นก็คือรูปลักษณ์ที่สวยงามโดดเด่นของเจ้า Vivo TWS Neo ตัวนี้นี่เอง สะดุดตามาแต่ไกลด้วยความโค้งมนเงางามด้วยสี Starry Blue (ดำน้ำเงิน) และสี Moonlight White (ขาว)
สี Starry Blue ก็ถือว่าสวยงามเหมือนถูกสะกดมาก ๆ เพราะเค้าไม่ใช่แค่สีพื้น ๆ นะ มีการใส่ดีเทลไล่สีเพื่อเพิ่มมิติความน่าค้นหาให้กับตัวเคสด้วยล่ะ
ส่วนสี Moonlight White ก็มีความหรูหราในตัวเองอย่างเป็นเอกลักษณ์เข้าได้กับทุกเพศ ทุกวัย ทุกสถานการณ์ แถมยังดูน่าสนใจเพิ่มขึ้นเมื่อมีไฟบอกสัญลักษณ์ที่อยู่ได้ถูกจุดอย่างพอเหมาะพอเจาะ
ซึ่งไม่ใช่ว่าสวยแค่ตัวเคสภายนอกนะ ตัวหูฟังเองก็สวยไม่แพ้กัน ถ้าแค่มองดูรูปก็ดูหรูหราแล้วใช่มั้ย แต่อยากจะบอกว่าพอเราได้ลองจับเครื่องจริงแล้วก็ได้ประสบการณ์ที่ดีไม่น้อยไปกว่าที่คิดเลย เพราะน้ำหนักเบาเพียง 4.7 กรัมเท่านั้น การสัมผัสก็หรูหรา จับถนัดมือ ฟินมาก ! อ้อ แถมกันน้ำ-กันฝุ่นได้ถึงมาตรฐาน IP54 เลยนะ
ใช้งานง่าย ดีไซน์กระชับหู
การใช้งานนั้นก็แสนจะง่ายดาย สำหรับการเชื่อมต่อกับสมาร์ตโฟนครั้งแรกเพียงคุณเปิดเคสชาร์จออกมาแล้วกดปุ่มที่ตัวเคสชาร์จค้างไว้ ระบบก็จะทำหน้าที่เชื่อมต่อกับสมาร์ตโฟนของคุณด้วย Bluetooth อัตโนมัติและไม่ใช่ว่าเชื่อมต่อได้แค่กับสมาร์ตโฟนของ Vivo นะ สามารถเชื่อมต่อได้ทุกยี่ห้อเลย !
ดีไซน์ของตัวหูฟังเองก็ดีไซน์สวยงามมาในลักษณะ Ear Buds ไม่อึดอัดหูอย่างแน่นอน สวมใส่สบาย กระชับ รวมถึงตัวก้านหูฟังเองก็มีความยาวที่ไม่มากไม่น้อยจนเกินไปเพื่อให้สะดวกทั้งในแง่การใช้งานและการเก็บเสียง แถมยังมีรูสำหรับช่วยในการระบายอากาศอีกด้วย นับว่าคิดมารอบด้านมากจริง ๆ
ทำหาย ก็หาเจอ
ต้องบอกก่อนว่าในหน้าการตั้งค่า Bluetooth ของหูฟังVivo TWS Neo สามารถที่จะให้เราปรับได้หลากหลายมาก แต่ที่เราชอบและคิดว่าคุณอาจจะได้ใช้บ่อย ๆ ขอนำเสนอนี่เลย Find My TWS Neo หรือ การค้นหาหูฟัง ที่จะช่วยค้นหาหูฟังของคุณหากทำหล่นหายด้วยการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์และค้นหาพิกัดที่ทำหาย ทีนี้การจะหาหูฟังที่หล่นหายก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
รองรับระบบสัมผัส
เมื่อใส่หูฟังเข้าไปแล้วบางทีการจะเปลี่ยนเพลง หรือเพิ่มลดเสียงก็คงจะไม่อยากต้องมานั่งควบคุมที่โทรศัพท์มือถือตลอดเวลา ดังนั้นแล้วนี่เลยถือว่าเป็นจุดเด่นสำคัญอีกจุดหนึ่งของ Vivo TWS Neo เลยล่ะด้วย Slide Control คุณจะสามารถสั่งการหูฟังของคุณได้อย่างง่ายดายด้วยการแตะ ไม่ว่าจะเป็นการเรียก Google Assistant หรือการสั่งหยุดเพลง เล่นเพลง เพิ่มเสียง ลดเสียง วางสาย ปฏิเสธการรับสาย
วิธีการใช้ก็แสนง่ายเพียงแค่คุณแตะที่หูฟัง 2 ครั้งก็จะเป็นการสั่งให้เล่นหรือหยุดเพลงในทันที หรือถ้าคุณแตะค้างไว้แล้วเลื่อนขึ้นก็จะเป็นการเพิ่มเสียง และแน่นอนว่าถ้าแตะค้างไว้แล้วเลื่อนลงก็จะกลายเป็นการลดเสียงโดยอัตโนมัติ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราก็จะสามารถปรับแต่งคำสั่งในแบบที่เราชอบก็ได้นะในหน้าการตั้งค่า Bluetooth ของตัวหูฟัง แตะข้างซ้ายจะเป็นการสั่งอะไร แตะข้างขวาจะเป็นการสั่งอะไรเลือกได้เลย อ้อ แล้วถ้าเราถอดหูฟังออกตัวหูฟังก็จะหยุดเพลงให้เราอัตโนมัติด้วยนะด้วยระบบเซนเซอร์ของเค้า ป้องกันปัญหาการลืมปิดเพลงไปได้เลย
คุณภาพเสียงทรงพลังระดับสตูดิโอ
มาดูเรื่องเสียงกันบ้าง เพราะขึ้นชื่อว่าหูฟัง เสียงก็ควรจะดีใช่มั้ย และแน่นอนว่าหูฟังตัวนี้ทำได้ดีกว่าที่คุณคิด ! ด้วยขนาดไดร์เวอร์ที่ใหญ่ถึง 14.2 มม. ทำให้เสียงที่ออกมานั้นมีประสิทธิภาพที่ดี เสียงคมชัด ประกอบกับระบบควบคุมอันชาญฉลาดของ Qualcomm ที่ถูกพัฒนาจนมาถึงรุ่นที่ 4 ทำให้ระบบเสียงนั้นมีความเสถียรมากยิ่งขึ้น แถมยังมาพร้อมกับการรองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth 5.2 เทคโนโลยี aptX Adaptive ส่งสัญญาณเสียงคุณภาพสูงทำให้การส่งสัญญาณเสียงมีคุณภาพสูงและสมจริงประหนึ่งว่าฟังจากแผ่น CD ด้วยการรองรับคุณภาพเสียงสูงสุดได้ถึง 48 kHz 24 Bit เลยทีเดียว แล้วไม่เท่านั้นเพราะเค้ายังมาพร้อมกับเทคโนโลยี DeepX ซึ่งเป็นการสร้างเสียงแบบ Deep Field เพิ่มความถี่ ทำให้ได้เสียงที่คมชัดสมจริง ไม่ว่าจะเป็นเสียงทุ้ม เสียงแหลม หรือจะปรับเป็นตั้งค่าให้ได้แบบที่เราชอบก็ทำได้นะ ไม่ว่าจะเป็น Clear Voice(เสียงเคลียร์ชัดเจน), Mega Base(เพิ่มเสียงเบส), และ Clear High Pitch(เพิ่มความชัดของเสียงสูง)
เสียงตรงกับภาพ
นอกจากคุณภาพของอุปกรณ์ที่ทำให้เสียงทรงพลังต่าง ๆ แล้วนั้น ยังต้องบอกอีกว่าดูคลิปแล้วเสียงตรงกับปากแน่นอน เพราะเค้าสามารถทำความหน่วง (Latency) ได้ต่ำพิเศษถึง 88ms เลยทีเดียวด้วยเทคโนโลยี Dual Channel Transmission 2.0 หรือถ้าเปรียบเทียบให้ฟังง่าย ๆ ก็คือเสียงจะมีความหน่วงเพียงแค่ 0.088 วินาทีเท่านั้น !! ซึ่งบอกตามตรงว่าถ้าเทียบกับในท้องตลาดตอนนี้ถือว่าหน่วงน้อยกว่ารุ่นอื่น ๆ มากจริง ๆ แต่ถามว่าเวลาฟังแล้วรู้มั้ยว่าหน่วงก็ต้องตอบว่าถ้าหน่วง 0.0088 วินาทียังไงเราก็ไม่มีทางฟังออกแน่ ๆ ดูคลิป YouTube หรือ Netflix เรียกได้ว่าไม่มีสะดุดเลยล่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นถ้าสำหรับคอเกมถ้าใช้หูฟังรุ่นนี้กับสมาร์ตโฟนระดับบน ๆ ของ Vivo เนี่ยล่ะก็เป็นคู่หูที่ลงตัวเลยล่ะไม่มีหน่วงเลยเพราะเทคโนโลยีจะรองรับกันอย่างเต็มรูปแบบ แต่ถ้ารุ่นราคาประหยัดไปจนถึงรุ่นกลางหน่อยสำหรับการเล่นเกมก็อาจจะยังพบกับความหน่วงอยู่บ้างเล็กน้อย
ตัดเสียงรบกวนด้วย AI
ยุคนี้ถ้าใครไม่มี AI หรือปัญญาประดิษฐ์ก็คงจะถือว่าเริ่มล้าสมัยไปซะแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับหูฟังไร้สายถ้าไม่มี AI คอยช่วยตัดเสียงรบกวนคงจะทำให้การฟังเพลงหรือการสนทนาของเราลำบาก ซึ่งแน่นอนว่ารุ่นนี้มีระบบ Noise Cancelling โดยที่เขาก็เคลมไว้ด้วยว่าจากการทดลองของทางแบรนด์นั้นพบว่าแม้จะอยู่ในสนามบินการเชื่อมต่อก็ยังเสถียรและได้ยินเสียงชัดเจนมากกว่าชุดหูฟังแบบดั้งเดิมถึง 90% เลยทีเดียว แล้วในแง่การทดสอบจากทีมงานของเราด้วยการคุยโทรศัพท์ก็พบว่าเสียงที่ฝ่ายตรงข้ามได้ยินนั้นเสียงค่อนข้างเคลียร์ ชัดเจน ไร้เสียงรบกวนเลยล่ะ เพราะ AI จะมีการประมวลเสียงจากทั้ง 2 ไมค์ ทั้งไมค์ที่รับเสียงพูด และไมค์ที่รับเสียงบรรยากาศ และแน่นอนว่าถ้าเป็นการฟังเพลงก็ทำได้สบายมาก
ใช้งานได้ต่อเนื่อง 22.5 ชั่วโมง
เรื่องแบตเตอรี่ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สมัยนี้ต้องให้ความสำคัญมาก ดังนั้นสำหรับ Vivo TWS Neo ถ้าคุณพกตัวหูฟังไปไหนมาไหนกับเคสชาร์จอยู่แล้วบอกได้เลยว่าสามารถใช้ได้ยาวนานถึง 22.5 ชั่วโมงเลยทีเดียว ซึ่งตัวเคสชาร์จมีความจุแบตเตอรี่ถึง 400 mAh แล้วยังมาพร้อมกับพอร์ต USB Type-C อีกด้วยนะ มาตรฐานสากลสุด ๆ แต่ถ้าคุณลืมพกเคสชาร์จไปด้วยก็ยังจะสามารถใช้งานสูงสุดได้ถึง 5 ชั่วโมงเลยล่ะด้วยความจุแบตเตอรี่ 25 mAh
ซื้อได้แล้วในราคาเพียง 2,999 บาทเท่านั้น !
หาซื้อได้ที่ Vivo Brand Shop ทุกสาขาและตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ ในราคาเพียงแค่ 2,999 บาทเท่านั้น อีกทั้งยังสามารถใช้ได้กับทั้ง iOS และ Android อีกด้วยนะ