รัฐบาลจัดสรรงบ 40,000 ล้านบาท อุดหนุนช่วยจ่ายค่ารถยนต์ไฟฟ้าคันละ 1.5 แสนบาท คาดมีผลบังคับใช้ 1 มค เป็นของขวัญปีใหม่ให้คนไทย
คณะรับมนตรีเตรียมจัดงบประมาณ 40,000 ล้านบาท เพื่อช่วยสนับสนุนราคายานยนต์ไฟฟ้าเพื่อจูงใจให้คนหันมาใช้งานมากขึ้น โดยจะแบ่งเป็น 2 แพคเกจให้เลือกคือ รถกลุ่มราคาต่ำกว่า 2 ล้านบาทและกลุ่มราคาเกิน 2 ล้านบาท
แหล่งข่าวจากคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (บอร์ดอีวี) เผยว่าตอนนี้ได้จัดทำหลักเกณฑ์เบื้องต้นแล้ว พร้อมจะยื่นให้ครม.พิจารณาเห็นชอบภายในวันที่ 21 ธ.ค. 2564 นี้ เพื่อให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2565 เป็นต้นไป ซึ่งจะเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับคนไทย โดยมาตรการนี้จะส่งตรงไปที่ค่ายรถยนต์
- รถกลุ่มราคาต่ำกว่า 2 ล้านบาท จะได้รับการลดภาษีศุลการกร 40% ลดภาษีสรรพสามิต 2% รวมถึงเงินอุดหนุน 150,000 บาทต่อคัน
- รถกลุ่มราคามากกว่า 2 ล้านบาท จะได้รับการลดภาษีศุลการกร 40% ลดภาษีสรรพสามิต 2% ซึ่งจะรวมแล้วราคารถจะลดลงไปถึงตันละ 7-8 แสนบาทต่อคัน เพราะรถกลุ่มนี้ราคาขายปกติจะอยู่ราวๆ 5-6 ล้านบาท
นอกจากนั้นจะมีนโยบายต่างๆตามออกมาอีก ถือเป็นมาตรการระยะยาว 4-5 ปีเพื่อสนับสนุนให้คนหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น ผ่านการลดภาษีสรรพสามิต ภาษีศุลกากร รวมถึงเงินอุดหนุนภายใต้กรอบวงเงิน 40,000 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้าเพิ่มจำนวนให้คนหันมาใช้ยานยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 300,000 คันในระยะเวลา 5 ปี
ในฝั่งของภาษีเอง ตอนนี้รถยนต์จากจีนนั้นไม่เสียภาษีนำเข้า ซึ่งทางบอร์ดอีวีเองก็ขยายมาตรการลดภาษีนำเข้า โดยรถไฟฟ้าจากญี่ปุ่นและเกาหลีหากเข้าร่วมโครงการก็จะลดภาษีเหลือ 0% เช่นกัน ส่วนค่ายยุโรปภาษีจะลดลงจาก 40% เหลือแค่ 20% เท่านั้น
ทั้งหมดนี้เป็นข้อมูลเบื้องต้นต้องรอประกาศอย่างเป็นทางการอีกทีหลังผ่านมติของครม.เรียบร้อยแล้ว
เรียบเรียงจาก ประชาชาติธุรกิจ